
หลายปีมานี้โรคซึมเศร้ามาแรงมาก ผมก็ยังไม่มีอาการของโรคซึมเศร้า แต่เชื่อว่า “กันไว้ดีกว่าแก้” เลยอยากนำข้อความที่พี่คนนึงมีอาการของโรคนี้ ที่ไปพบหมอมาเเละนำมาเล่าลงเฟซบุ๊คครับ
หมอ : หมอจะอธิบายให้นะคะว่า โรคซึมเศร้ามันเกิดจากอะไร จะได้รู้ว่า ต้องตั้งใจรักษาอย่างจริงจัง ไม่งั้นก็จะเป็นๆหายๆ แบบนี้ไม่จบ จนตาย
คนไข้ :ค่ะ (ตาโต กับคำว่า ‘จนตาย’)
หมอ : โรคนี้มันเกิดจาก Attitude นิสัย และพฤติกรรม การใช้ชีวิตในอดีตของคุณที่ผ่านมา 17 ปี การทำงานที่คุณเล่าให้หมอฟัง คุณใช้ชีวิตแบบ ไม่บาลานซ์ ระหว่าง work-relax-sleep ที่ผ่านมา คุณมีแต่ work กับ การนอนที่ไร้คุณภาพ ใช้ชีวิตทำลาย ระบบประสาท และสารสื่อสารประสาทในสมองจนเหี้ยน จนเส้นประสาทมันต่อกันไม่ติด
คนไช้ :(หยักหน้ารับ)
หมอ :ทำลายสมองไม่พอ เวลาเกิดความเครียดสะสมมันก็ก่อตัวพอกพูน เหมือนภูเขาน้ำแข็งใต้ทะเล เมื่อไม่มี relax ก็เหมือนไม่มีพลังบวกไปละลายน้ำแข็ง มันก็พอกทับถมกันเยอะขึ้นจนโผล่มาเหนือน้ำ ซึ่งก็แสดงออกมาในอาการป่วยที่เป็นอยู่ ต้องเพิ่ม relax เพิ่มการพักผ่อน และลดหรือเลี่ยงสิ่งเร้านะคะ
คนไข้ : (คิดในใจ...หมออธิบายเก่งจัง)
หมอ : การ relax อย่างเช่นกับลูก (หยุด มองหน้าคนไข้) หรือหา..ผ เอ่อ แฟนก็ได้นะคะ (หยุด มองหน้าคนไช้อีก) เอ่อ หรือ หากิจกรรมทำกับเพื่อนนะคะ
(อธิบายต่อ) นอนพักให้พอ กินให้พอ ให้อาหารสมองนะคะ ทำงาน ก็ทำแค่ในเวลาทำงานนะคะ คุณทำ IT หมอก็พอเข้าใจว่ามันต้องรับผิดชอบ แต่ถึงจุดที่ป่วยแล้ว ก็ควรหยุดไหม
คนไข้ : พมอพูดเหมือนเข้าใจคนทำ IT
หมอ : อ่อค่ะ คุณเป็น IT รายที่ 5 ที่มาหาหมอวันนี้
หมอ : โรคนี้ต้องกินยารักษาต่อเนื่อง เพื่อให้ยาช่วยเติมสารประสาทให้กลับมาเหมือนเดิม เพิ่มการนอนที่มีคุณภาพ เพิ่ม relax และพฤติกรรมการใช้ชีวิต มุมมองทัศนคติในการใช้ชีวิตใหม่ ความยากคือหมอต้องทดลองให้ยาทีละแบบเพื่อดูผลข้างเคียง ถ้าไม่เวิร์ค ต้องเปลี่ยนไปจนกว่าจะเจอยาที่สมองเรารับได้ และย้ำว่าต้องรักษาต่อเนื่อง ประมาณ 1-2 ปี หายได้ แต่ต้องอดทนและต่อสู้กับมัน
อย่ารักษาเเบบเดี๋ยวกินยา เดี๋ยวดี เดี๋ยวหยุด เหมือนที่ผ่านมา ถ้าปล่อยให้เรื้อรัง ถึงจุดที่รักษายาก มันอาจต้องใช้ไฟฟ้าช็อตสมองเพื่อช่วยให้เส้นประสาทสื่อถึงกันได้
คนไข้ : (ทำหน้าประหลาดใจ) ขนาดนั้นเลยหรอคะหมอ เพิ่งรู้นะเนี่ย
หมอ : จริง! หมอไม่ได้ขู่ ยังดีที่คุณยังไม่ถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่ขั้นนี้ ที่ลุกไม่ได้ เศร้า ไม่อยากเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียวเเบบนี้ ถ้าปล่อยไว้ เดี๋ยวความคิดที่ว่า ตัวเองไร้ความสามารถก็จะมา ท้ายที่สุด ถ้าไม่มีสติ จะไปขั้นที่น่ากลัว คือคิดจะฆ่าตัวตาย
คนไข้ : (เว่อร์ไปไหมหมอ)
หมอ : เอาล่ะคะ หมอจะจ่ายยาให้ กินทุกวันนะคะ อีกสองอาทิตย์เจอกัน
จบจ่ายค่าหมอและยาเกือบสามพัน เบิกประกันไม่ได้ เพราะเป็นหมอจิตเวช ค่าคุยกะหมออย่างเดียวสองพันในครึ่งชม.
แต่ขอบคุณหมอท่านนี้มาก
ที่ทำให้เข้าใจว่าโรคซึมเศร้ามันอันตรายแค่ไหน
โรคนี้ ต้องจริงใจในการรักษาสินะ
หมอ : หมอจะอธิบายให้นะคะว่า โรคซึมเศร้ามันเกิดจากอะไร จะได้รู้ว่า ต้องตั้งใจรักษาอย่างจริงจัง ไม่งั้นก็จะเป็นๆหายๆ แบบนี้ไม่จบ จนตาย
คนไข้ :ค่ะ (ตาโต กับคำว่า ‘จนตาย’)
หมอ : โรคนี้มันเกิดจาก Attitude นิสัย และพฤติกรรม การใช้ชีวิตในอดีตของคุณที่ผ่านมา 17 ปี การทำงานที่คุณเล่าให้หมอฟัง คุณใช้ชีวิตแบบ ไม่บาลานซ์ ระหว่าง work-relax-sleep ที่ผ่านมา คุณมีแต่ work กับ การนอนที่ไร้คุณภาพ ใช้ชีวิตทำลาย ระบบประสาท และสารสื่อสารประสาทในสมองจนเหี้ยน จนเส้นประสาทมันต่อกันไม่ติด
คนไช้ :(หยักหน้ารับ)
หมอ :ทำลายสมองไม่พอ เวลาเกิดความเครียดสะสมมันก็ก่อตัวพอกพูน เหมือนภูเขาน้ำแข็งใต้ทะเล เมื่อไม่มี relax ก็เหมือนไม่มีพลังบวกไปละลายน้ำแข็ง มันก็พอกทับถมกันเยอะขึ้นจนโผล่มาเหนือน้ำ ซึ่งก็แสดงออกมาในอาการป่วยที่เป็นอยู่ ต้องเพิ่ม relax เพิ่มการพักผ่อน และลดหรือเลี่ยงสิ่งเร้านะคะ
คนไข้ : (คิดในใจ...หมออธิบายเก่งจัง)
หมอ : การ relax อย่างเช่นกับลูก (หยุด มองหน้าคนไข้) หรือหา..ผ เอ่อ แฟนก็ได้นะคะ (หยุด มองหน้าคนไช้อีก) เอ่อ หรือ หากิจกรรมทำกับเพื่อนนะคะ
(อธิบายต่อ) นอนพักให้พอ กินให้พอ ให้อาหารสมองนะคะ ทำงาน ก็ทำแค่ในเวลาทำงานนะคะ คุณทำ IT หมอก็พอเข้าใจว่ามันต้องรับผิดชอบ แต่ถึงจุดที่ป่วยแล้ว ก็ควรหยุดไหม
คนไข้ : พมอพูดเหมือนเข้าใจคนทำ IT
หมอ : อ่อค่ะ คุณเป็น IT รายที่ 5 ที่มาหาหมอวันนี้
หมอ : โรคนี้ต้องกินยารักษาต่อเนื่อง เพื่อให้ยาช่วยเติมสารประสาทให้กลับมาเหมือนเดิม เพิ่มการนอนที่มีคุณภาพ เพิ่ม relax และพฤติกรรมการใช้ชีวิต มุมมองทัศนคติในการใช้ชีวิตใหม่ ความยากคือหมอต้องทดลองให้ยาทีละแบบเพื่อดูผลข้างเคียง ถ้าไม่เวิร์ค ต้องเปลี่ยนไปจนกว่าจะเจอยาที่สมองเรารับได้ และย้ำว่าต้องรักษาต่อเนื่อง ประมาณ 1-2 ปี หายได้ แต่ต้องอดทนและต่อสู้กับมัน
อย่ารักษาเเบบเดี๋ยวกินยา เดี๋ยวดี เดี๋ยวหยุด เหมือนที่ผ่านมา ถ้าปล่อยให้เรื้อรัง ถึงจุดที่รักษายาก มันอาจต้องใช้ไฟฟ้าช็อตสมองเพื่อช่วยให้เส้นประสาทสื่อถึงกันได้
คนไข้ : (ทำหน้าประหลาดใจ) ขนาดนั้นเลยหรอคะหมอ เพิ่งรู้นะเนี่ย
หมอ : จริง! หมอไม่ได้ขู่ ยังดีที่คุณยังไม่ถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่ขั้นนี้ ที่ลุกไม่ได้ เศร้า ไม่อยากเข้าสังคม ชอบอยู่คนเดียวเเบบนี้ ถ้าปล่อยไว้ เดี๋ยวความคิดที่ว่า ตัวเองไร้ความสามารถก็จะมา ท้ายที่สุด ถ้าไม่มีสติ จะไปขั้นที่น่ากลัว คือคิดจะฆ่าตัวตาย
คนไข้ : (เว่อร์ไปไหมหมอ)
หมอ : เอาล่ะคะ หมอจะจ่ายยาให้ กินทุกวันนะคะ อีกสองอาทิตย์เจอกัน
จบจ่ายค่าหมอและยาเกือบสามพัน เบิกประกันไม่ได้ เพราะเป็นหมอจิตเวช ค่าคุยกะหมออย่างเดียวสองพันในครึ่งชม.
แต่ขอบคุณหมอท่านนี้มาก
ที่ทำให้เข้าใจว่าโรคซึมเศร้ามันอันตรายแค่ไหน
โรคนี้ ต้องจริงใจในการรักษาสินะ
Written in this book
สรุปหนังสือ ความรู้
Comments
pruedsikarr
17 days ago
กำลังหาข้อมูลอยู่พอดีเลยค่าา ขอบคุณมากๆนะค้าที่เอามาเขียน
//ซูฮกเลย!!!
Reply
Tenager
17 days ago
Krabbb💗💗💗