อย่าหยุดเติบโตเลยนะ
3 ตุลา ที่ผ่านมา คือวันครบรอบการใช้ชีวิตมาทั้งหมด20ปี เผลออีกทีก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว อยู่ ๆ ก็มานั่งคิดว่าชีวิตที่ผ่านมาพบเจอกับอะไรมาบ้าง แม้จะดูสั้นถ้าเทียบกับอายุขัย แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาทั้งชีวิตของเรา ซึ่งมันผ่านอะไรมาเยอะมากเกินกว่าจะนับนิ้วได้ กว่าจะเป็นเราทุกวันนี้
มันแปลก ที่อยู่ ๆ ในวันนี้เราก็กลายเป็นคนนิ่งเฉยกับทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่กับสิ่งที่เคยชอบมาก ๆ ก็ตาม เราจำได้ว่าตัวเองเคยชอบกินช็อกโกแลตขนาดไหน เคยชอบฟังเพลงนี้มากขนาดไหน หรือครั้งหนึ่งเคยใจเต้นแรงกับคนคนหนึ่งมากได้ขนาดนั้น แต่วันนี้ ความรู้สึกเราว่างเปล่า ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับสิ่งที่รับรู้ เราลืมความรู้สึกทุกอย่างที่เคยมี ทั้งความสุขหรือแม้กระทั่งความเสียใจ เพราะในช่วงเวลาที่เราเสียใจมาก ๆ จนถึงที่สุด เราเลือกทิ้งทุกอย่างไปหมด เพื่อเริ่มต้นเติบโตต่อไปเป็นคนใหม่ แต่พอกลับมาทบทวนตัวเองในวันนี้…เหมือนว่าเรา…จะลืมเอา ความรู้สึก กลับมาด้วย
เราทบทวนตัวเองบ่อยครั้งว่าในการเติบโตนั้นเราใช้อะไรเป็นแรงขับเคลื่อน และพบว่า เราได้ใช้ ‘ความรัก’ ขับเคลื่อนชีวิตทั้งชีวิตเลย
เพราะแบบนั้นเราจึงเริ่มจะจุด ‘ความรู้สึก’ ให้ค่อย ๆ กลับคืนมา เราจึงย้อนไปในจุดเริ่มต้น…ตอนเริ่มรัก…แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเดินตามเส้นทางเดิม ในครั้งที่ผ่านมาเราได้บทเรียนจาก ‘การรัก’ ในชีวิตเดิมยังไง ในชีวิตที่กำลังจะเติบโตอีกครั้ง การรักแบบเก่า…เราจะนับเป็นการสอนชีวิตที่กำลังจะเติบโตต่อไปในอนาคตของเราเอง
เราอยากจะเขียนเรื่องนี้เอาไว้อ่าน แล้วย้ำตัวเองทุกครั้งเมื่อได้กลับมาอ่านอีกว่า กว่าจะผ่านมาได้ เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย และจงอย่าหยุดเติบโตเลยนะ
เรียนรู้…แล้วก็ทำให้ได้
บทเรียน การรัก ที่เราได้เรียนรู้จากทั้งชีวิตนี้
— 01 รักให้ถูกคน
ย้อนกลับไปในวัยที่ยังต้องการความรักเยอะ ๆ เราคิดเสมอว่า การมอบความรักให้กับใครก็ตามเราจะได้ความรักตอบแทนเสมอ เพราะงั้น เราเลยมอบให้ทุกคนที่เราอยากรักเลย รักในที่นี้ของเราคือรักที่อยากให้ อยากใส่ใจมาก ๆ ซึ่งนั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีเลยนะ เราได้ความรักที่เราหวังกลับคืน ไม่ว่าจากมิตรภาพทุกเพศ ทุกวัย แต่...เราก็พบว่าข้อเสีย ที่เราได้กลับมาด้วยก็มีเช่นกัน คือ เราเหนื่อยเกินไป...
เรากลับมาทบทวนตัวเอง เมื่อเราให้ความรักคนเยอะ ๆ โฟกัสทุกคนเท่ากันไปหมด กลายเป็นว่า เราเก็บทุกอย่างเอามาไว้ในใจ ทุกอย่างในที่นี้หมายถึง การแบ่งเรื่องราวของทุกคน ทั้งดีใจและเศร้าใจมาให้กับเรา เราอยากเหลือเกินที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาของเขา อยากที่จะเป็นคนสำคัญในชีวิต และเป็นคนที่อยู่ในช่วงของการยินดีในวันที่สุขใจ
แต่ก็นั่นแหละ พอรับมาแบกไว้ ไหล่ของเราแบกไหวไม่เท่าจิตใจ จิตใจเราเหนื่อยมาก รู้ตัวอีกที มันล้าไปหมด กลายเป็นว่า ทุกครั้งที่ใครมีปัญหา เราเป็นส่วนหนึ่งเสมอที่ได้แบ่งรับปัญหานั้นไปด้วย เรากลายเป็นคนจัดการความคิดไม่ถูก ลำดับความสำคัญไม่เป็น เรื่องไหนด่วนกว่า งานไหนใหญ่กว่า และมิตรภาพแบบไหนสำคัญที่สุด เราลืมไปหมด
จนถึงวันที่จิตใจเราแบกรับไม่ไหว บางคนหันเหไปทางอื่น ไปแบ่งเรื่องราวกับคนอื่นแทนเรา เรารู้สึกถึงความรักที่เราเคยได้รับจากพวกเขาค่อย ๆ หายไปทีละคน รู้สึกตัวอีกที เราเหลือแต่ความรักที่เราได้รับจากคนที่เคยลำดับความสำคัญไว้เท่ากับคนอื่น เรามารู้ทีหลังว่า ความรักนั้นสำคัญมากกว่าความรักผิวเผินที่เคยได้รับ
จำนวนหรือจะเทียบคุณภาพ เราได้รับความรักมากกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก อันที่จริงเราไม่ได้รับความรักมากขึ้นหรอก แต่เป็นการที่เราโฟกัสมากกว่าเดิม เราจึงมองเห็นความรักนั้นชัดเจนขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง
มิตรภาพนั้นได้สอนให้เรารู้จักจัดการความรักปล่อยวาง และเลือกรับความรักที่เราควรได้รับมากกว่าความรักที่เราคาดหวังว่าจะได้รับ
…จงรักให้เป็น
รักคนที่ควรรัก ไม่ใช่ รักคนทุกคนที่ต้องการรัก
จนเก็บเรื่องราวมาทำร้ายจิตใจตัวเอง การเสียใจจากความรัก หนักหนามากจริง ๆ โดยเฉพาะคนที่ทุ่มเทกับความรัก…ทุกคนรู้ดี เพราะงั้น เลือกรักให้ถูกคน เพื่อใจตัวเองเถอะนะ
— 02 วันนี้รักตัวเองยัง
การที่เราให้ความรักคนรอบข้างเยอะ ๆ นับเป็นข้อดี แต่ เราลืมอะไรไปหรือเปล่า เราให้รักคนอื่น จนเราลืม ‘รักตัวเอง’ ไปหรือเปล่านะ
วันนี้รักตัวเองยังคือคำถามที่ควรถามตัวเองก่อนนอนทุกคืน ที่ให้ความสำคัญกับคำว่า…วันนี้…เพราะเราจะเริ่มจากเรื่องเล็กน้อยในแต่ละวันก่อน เราให้ความสำคัญกับเรื่องเล็ก เมื่อเล็กน้อยรวมกันแล้วมันจะใหญ่ขึ้นไปเอง แค่เล็กน้อยก็ทำให้มีความสุขได้นะ
เราเริ่มจากการจดบันทึกเป็นประจำวันของตัวเอง หลังจากกลับมาพักจากการใช้ชีวิตทั้งวัน เราทบทวนตัวเองว่า วันนี้ เรารักตัวเองหรือยัง แล้วรักยังไงบ้าง มากขึ้นกว่าเมื่อวานหรือเปล่า
…อย่างวันแรก เราภูมิใจในการเริ่มต้นวันของเรา
วันนี้ตื่นเช้า
ออกกำลังกาย
กินน้ำสมุนไพร
…วันที่ 2 เราเพิ่มความรัก โดยการใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของตัวเองมากขึ้น
วันนี้นวดผมครบ 3 นาที
แต่งหน้าจนพอใจ
ใส่ชุดที่อยากใส่
และยังคงตื่นเช้า ออกกำลังกายเหมือนเดิม
…วันที่ 3 เราเพิ่มความรัก โดยการให้ความสำคัญกับการกิน ตรงเวลาและมีประโยชน์
กินข้าวหมดจาน
ไม่ได้ลืมกินวิตามิน
กินนมหมดแก้ว
และยังคงกินน้ำสมุนไพร ใจเย็นกับการนวดผมเพิ่มเป็น 5 นาที
…วันต่อมา
เราเจอเพลงใหม่ที่กลายเป็นเพลงโปรด
ทาครีมบำรุงทุกอย่างครบทั้งตัว
ใส่แว่นตอนเล่นคอมพิวเตอร์
ทุกข้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนวัน ตามที่เราคิดขึ้นได้ว่านี่คือการรักตัวเอง เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นกำลังใจนะ อย่างในวันที่เราเหนื่อย หรือจมดิ่งกับทะเลความเศร้า แต่เมื่อเราหันมาให้ความสำคัญกับ วันนี้รักตัวเองยัง เราจะมีแรงขับในการเติบโตต่อไปในวันพรุ่งนี้ขึ้นมาเลย
เราภูมิใจมากกับการได้รักตัวเอง…ให้ตัวเราเองรับรู้ว่า…ยังมีเราที่ไม่ลืมรักตัวเองนะ
จนถึงตอนที่เราพิมพ์อยู่ เรายังคงภูมิใจ ที่ไม่ลืมให้ความรักตัวเองเลย เราเคยโพสต์ประโยคนี้ ในวันที่เราเหนื่อยเหลือเกิน ลงบนโซเชียล อาจจะดูแปลก ๆ ที่ทำเองตอบเอง แต่ก็มีเพื่อนที่ผ่านมาเห็น บอกกับว่า รักเธอด้วย แค่สามคำนี้ เราก็ยิ้มออกแม้ว่าใบหน้าจะเปียกปอนไปด้วยน้ำตาก็ตาม
ที่เขียนมาทั้งหมดอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่นี่คือเรื่องสำคัญในชีวิตเราเลย ในวันที่เราต้องการรับความรักมาก ๆ กลายเป็นว่าเราคาดหวังที่จะได้รับความรักมาก ๆ เช่นกัน และเมื่อไม่ได้…เราย่อมผิดหวัง ทำให้เราจมดิ่งกับทะเลความรู้สึกที่มีแต่ความเศร้า ความผิดหวัง แต่สิ่งที่จะดึงเราขึ้นมาได้คือ ยังมีเราที่รักเรานะ
เรากอดตัวเองเหมือนที่กอดคนอื่นหรือยัง
เราปลอบตัวเองเหมือนที่ปลอบคนอื่นหรือยัง
วันนี้…เราเอาสองมือของเรา…กอดตัวเองหรือยัง
หากใครที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ เราขอบคุณมากที่ให้ความสนใจหรืออาจจะเคยเป็นแบบนี้เหมือนกับเรา ถ้างั้น…เราขอมอบคำถามให้ต่อเลย ว่า วันนี้คุณรักตัวเองหรือยัง
…แล้วในวันนี้ คุณเลือกรักถูกคนไหม
ถ้าเหนื่อยก็กลับมา กลับมากอดตัวเองนะ ยังมีเราที่รักเรา
ถ้าเราไม่รักตัวเอง แล้วจะหวังให้ใครรักตัวเราเอง แทนตัวเรา
รักให้เป็นนะ
ถ้าวันนี้ทำไม่ได้
พรุ่งนี้เริ่มใหม่
แต่อย่าหยุดเติบโตก็พอ
—Afterup