
Tiny Changes, Remarkable Results
ใช้เวลากี่วันนะ ? เป็นเดือนได้อยู่ (ฮ่า ๆ)
(ที่ช้าเพราะว่าเราพกไปอ่านเฉพาะตอนเดินทางไปกลับจากที่ทำงานต่างหาก ไม่งั้นจบไปตั้งนานแล้ว!)
จำไม่ได้ว่าเริ่มอ่านวันแรกวันที่เท่าไหร่ เราจะอ้างอิงเป็นวันที่หนังสือเดินทางมาถึงเราแทนละกัน
My notes on BOOK(S)
Title: Atomic Habits
Author: James Clear
Delivered: Jul 31st, 2020
Finished: Sep 10th, 2020
My rating: 4 (out of 5)
Translated: ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มีแปลแล้วหรือยัง
(เล่มที่สามที่อ่านจบในปีนี้ (2564) แต่เป็นเล่มแรกที่จะขอพูดถึง)
คำโปรยสะดุดตาของ Atomic Habits คือ Tiny Changes, Remarkable Results เราเชื่อว่าทุกคนต่างมีนิสัยบางอย่างที่ตัวเองต้องการแก้ไข แต่การจะปรับนิสัยที่ถูกกระทำจนเคยชินไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ต่อให้ฝืนตัวเองได้ แต่หลายครั้งที่สุดท้าย... เราก็กลับไปกระทำนิสัยเดิม ๆ และเป้าหมายต้นปีที่เราตั้งไว้ หรือ New Year's resolution ก็กลายเป็นประโยคหนึ่งบนกระดาษที่ถูกลืม...
Atomic Habits คือหนังสือที่จะช่วยให้เราได้เรียนรู้วิธีพิชิตนิสัยแย่ ๆ ของตัวเองเพียงแค่เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวัน เพราะการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอในทุก ๆ วัน สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับเราได้อย่างคาดไม่ถึง
โดยส่วนตัว เราค่อนข้างเห็นด้วยกับวิธีของ Clear อาจเป็นเพราะคำว่า หักดิบ ใช้กับเราไม่ได้ผล ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เราคิดอยากจะออกกำลังกาย เราตั้งเป้าไว้ว่าต้องทำตามตารางให้ได้ครบถ้วนห้าวันต่ออาทิตย์ จากคนที่ไม่ได้ออกกำลังเลย มันกลายเป็นการสร้างความเครียดและกดดันจนพาให้เราไม่อยากทำ ตอนนั้น (ยังไม่อ่านหนังสือแต่เคยฟังคลิปของผู้เขียนเรื่องนี้มาบ้าง) เราเอาวิธีของเขามาปรับใช้ คือ ลุกขึ้นมาออกกำลังเมื่อถึงวันที่ต้องทำแต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่กดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้ตามนี้เป๊ะ ๆ (Tiny change) เพราะเรารู้ว่าหากเราทำไปจนเริ่มชิน สุดท้าย คำว่าสม่ำเสมอมันจะตามมา เพียงแค่เราต้องเริ่มให้ได้ก่อน ที่สำคัญเราต้องคอยเตือนกับตัวเอง อยู่บ่อยครั้งว่า มันโอเคหากการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างครั้งแรกของเราจะไม่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบ
ในหนังสือเล่มนี้ Clear อ้างว่า การสร้างนิสัยใด ๆ ก็ตามขึ้นนั้นประกอบไปด้วยสี่ขั้นตอนคือ Cue, Craving, Response และ Reward ซึ่งเขาได้ให้คำนิยามของสี่ขั้นตอนนี้ว่า "Habit Loop" ดังนั้น
(เล่มที่สามที่อ่านจบในปีนี้ (2564) แต่เป็นเล่มแรกที่จะขอพูดถึง)
คำโปรยสะดุดตาของ Atomic Habits คือ Tiny Changes, Remarkable Results เราเชื่อว่าทุกคนต่างมีนิสัยบางอย่างที่ตัวเองต้องการแก้ไข แต่การจะปรับนิสัยที่ถูกกระทำจนเคยชินไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ต่อให้ฝืนตัวเองได้ แต่หลายครั้งที่สุดท้าย... เราก็กลับไปกระทำนิสัยเดิม ๆ และเป้าหมายต้นปีที่เราตั้งไว้ หรือ New Year's resolution ก็กลายเป็นประโยคหนึ่งบนกระดาษที่ถูกลืม...
Atomic Habits คือหนังสือที่จะช่วยให้เราได้เรียนรู้วิธีพิชิตนิสัยแย่ ๆ ของตัวเองเพียงแค่เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็ก ๆ ในแต่ละวัน เพราะการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอในทุก ๆ วัน สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับเราได้อย่างคาดไม่ถึง
โดยส่วนตัว เราค่อนข้างเห็นด้วยกับวิธีของ Clear อาจเป็นเพราะคำว่า หักดิบ ใช้กับเราไม่ได้ผล ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เราคิดอยากจะออกกำลังกาย เราตั้งเป้าไว้ว่าต้องทำตามตารางให้ได้ครบถ้วนห้าวันต่ออาทิตย์ จากคนที่ไม่ได้ออกกำลังเลย มันกลายเป็นการสร้างความเครียดและกดดันจนพาให้เราไม่อยากทำ ตอนนั้น (ยังไม่อ่านหนังสือแต่เคยฟังคลิปของผู้เขียนเรื่องนี้มาบ้าง) เราเอาวิธีของเขามาปรับใช้ คือ ลุกขึ้นมาออกกำลังเมื่อถึงวันที่ต้องทำแต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่กดดันตัวเองว่าต้องทำให้ได้ตามนี้เป๊ะ ๆ (Tiny change) เพราะเรารู้ว่าหากเราทำไปจนเริ่มชิน สุดท้าย คำว่าสม่ำเสมอมันจะตามมา เพียงแค่เราต้องเริ่มให้ได้ก่อน ที่สำคัญเราต้องคอยเตือนกับตัวเอง อยู่บ่อยครั้งว่า มันโอเคหากการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างครั้งแรกของเราจะไม่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบ
ในหนังสือเล่มนี้ Clear อ้างว่า การสร้างนิสัยใด ๆ ก็ตามขึ้นนั้นประกอบไปด้วยสี่ขั้นตอนคือ Cue, Craving, Response และ Reward ซึ่งเขาได้ให้คำนิยามของสี่ขั้นตอนนี้ว่า "Habit Loop" ดังนั้น
1. หากเราต้องการสร้างนิสัยใด ๆ ก็ตาม เราควรทำให้สัมพันธ์กับสี่ขั้นตอนดังกล่าว
2. ขณะเดียวกัน การจะแก้นิสัยที่ไม่ต้องการ ก็ควรทำตามขั้นตอนสี่ขั้นเช่นกัน เพื่อที่จะมาหักล้าง Habit Loop นี้
โดย Clear ได้อธิบายแต่ละขั้นตอน ยกตัวอย่างและสรุปเป็นตารางไว้ในช่วงท้ายของแต่ละบท
สำหรับหนังสือฉบับภาษาอังกฤษ เรื่องนี้ (ในมุมของเรา) นับว่าอ่านไม่ยาก ศัพท์ที่ใช้ไม่ซับซ้อน สำนวนกระชับ ราบรื่น อธิบายเข้าใจ อ่านไม่งง ลักษณะเหมือนผู้เขียนกำลังเล่าประสบการณ์ของเขาให้ฟังมากกว่า ที่สำคัญคือ ในแต่ละบทจะมีบทสรุปตอนท้าย ซึ่งช่วยทวนความจำให้เราพร้อมกับเสริมความเข้าใจไปในตัว
(ถ้าใครต้องการฟังข้อมูลเพิ่มเติม Clear ค่อนข้างอธิบายรายละเอียดหนังสือของเขาไว้ชัดเจนในคลิปของ Rich Roll : https://www.youtube.com/watch?v=s9uDVVWN_ZE&t=620s
เราเองก็ฟังรายละเอียดจากคลิปนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหนังสือเพราะรู้สึกเขาอธิบายละเอียดเหลือเกินจนอยากจะอุดหนุน ( 😂 ))
สุดท้ายนี้ หนังสือแต่ละเล่มก็เป็นเพียงเรื่องราวจากมุมมองของผู้เขียน หลังจากอ่านแล้ว ควรปล่อยให้เนื้อหาได้ย่อยและตกตะกอน ก่อนประยุกต์มันให้สัมพันธ์กับตัวเราเองอีกที เพราะเราคิดเสมอว่า วิธีการที่ดีที่สุดของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกัน เราแค่ต้องรู้จักจับความรู้ที่ได้ มาปรับใช้ให้เข้ากับเรามากที่สุดก็เท่านั้น
และสำหรับเรา นี่แหละคือความสนุกของการได้อ่าน
โดย Clear ได้อธิบายแต่ละขั้นตอน ยกตัวอย่างและสรุปเป็นตารางไว้ในช่วงท้ายของแต่ละบท
สำหรับหนังสือฉบับภาษาอังกฤษ เรื่องนี้ (ในมุมของเรา) นับว่าอ่านไม่ยาก ศัพท์ที่ใช้ไม่ซับซ้อน สำนวนกระชับ ราบรื่น อธิบายเข้าใจ อ่านไม่งง ลักษณะเหมือนผู้เขียนกำลังเล่าประสบการณ์ของเขาให้ฟังมากกว่า ที่สำคัญคือ ในแต่ละบทจะมีบทสรุปตอนท้าย ซึ่งช่วยทวนความจำให้เราพร้อมกับเสริมความเข้าใจไปในตัว
(ถ้าใครต้องการฟังข้อมูลเพิ่มเติม Clear ค่อนข้างอธิบายรายละเอียดหนังสือของเขาไว้ชัดเจนในคลิปของ Rich Roll : https://www.youtube.com/watch?v=s9uDVVWN_ZE&t=620s
เราเองก็ฟังรายละเอียดจากคลิปนี้ก่อนตัดสินใจซื้อหนังสือเพราะรู้สึกเขาอธิบายละเอียดเหลือเกินจนอยากจะอุดหนุน ( 😂 ))
สุดท้ายนี้ หนังสือแต่ละเล่มก็เป็นเพียงเรื่องราวจากมุมมองของผู้เขียน หลังจากอ่านแล้ว ควรปล่อยให้เนื้อหาได้ย่อยและตกตะกอน ก่อนประยุกต์มันให้สัมพันธ์กับตัวเราเองอีกที เพราะเราคิดเสมอว่า วิธีการที่ดีที่สุดของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกัน เราแค่ต้องรู้จักจับความรู้ที่ได้ มาปรับใช้ให้เข้ากับเรามากที่สุดก็เท่านั้น
และสำหรับเรา นี่แหละคือความสนุกของการได้อ่าน
ปล. สถานีต่อไป 12 Rules for Life: An Antidote to Chaos โดย Jordan B. Peterson (ผู้ที่ทำให้เราได้รู้จักกับ Nietzsche, Dostoevsky, Viktor Frankl และทฤษฏี Big Five รวมไปถึงรายชื่อหนังสือน่าอ่านอีกมากมาย (เพราะโลกนี้มีแต่อะไรให้เรียนรู้!))