
เสียงหวูดรถไฟดังบอกสัญญาณว่ารถไฟขบวนสุดท้ายกำลังจะเคลื่อนตัวออก
เสียงจอแจจากผู้คนที่ดังในคราแรกเริ่มเงียบสงบลงเมื่อรถไฟเคลื่อนตัว จนเหลือเพียงแค่ความเงียบบนขบวนรถไฟ
วินาทีผ่านไปเป็นนาที นาทีผ่านไปเป็นชั่วโมง
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว สีฟ้าครามถูกแทนที่ด้วยสีส้มอ่อนสลับเข้ม แสงของพระอาทิตย์ที่เริ่มจะริบหรี่เต็มทีบอกเวลาพลบค่ำ
คงได้เวลาบอกลาพระอาทิตย์เสียแล้ว
ผมคิดพลางหยิบหนังสือในกระเป๋าเป้มาอ่านฆ่าเวลา ปล่อยให้ความคิดไหลผ่านตัวหนังสือ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถไฟหยุดตัวลง
ประตูตู้โดยสารถูกเปิดออก คุณเดินเข้ามาด้วยท่าทีเก้ๆกังๆก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับผม สายตาก้มมองไปทีี่พื้นราวกับพื้นรถไฟเป็นวิวที่่่่่่่น่ามอง
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราอยู่หลายนาทีก่อนที่คุณจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา
คุณถามผมเกี่ยวกับสถานีที่ผมไปลงก่อนจะยื่นสายหูฟังมาทางผม คุณบอกว่ามิตรภาพมักเกิดจากเสียงเพลง ในครั้งแรกที่คุณบอกผมแทบไม่เชื่อเลยซักนิด จนตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่าผมน่าจะเชื่อที่คุณบอกตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรก
คุณมีเทสการฟังเพลงที่ดี, เราทั้งคู่
ผมจำเนื้อร้องเพลงที่คุณเปิดได้ทุกเพลง จำได้แม้กระทั่งลิสต์เพลงโปรดของคุณที่คุณไว้ฟังเวลาเดินทาง
ผมเริ่มถามเกี่ยวกับเรื่องของคุณ งานอดิเรกของคุณ คุณบอกว่าคุณชอบวาดรูปในเวลาว่าง
ผมถามถึงรูปภาพที่คุณวาด คุณทำท่าทีเขินอายก่อนจะหยิบสมุดวาดภาพในกระเป๋าให้ผมดู คุณบอกว่ารูปที่คุณวาดมันไม่สวยนัก แต่ไม่ว่าผมจะดูกี่รอบก็หาจุดบกพร่องของมันไม่เคยเจอ
คุณบอกว่าคุณรักการเดินทาง คุณมักชอบเดินทางไปไหนมาไหนในวันหยุด ถ้าหากสุดสัปดาห์ไหนที่คุณอยู่บ้าน วันนั้นคงเป็นวันที่โลกแตกไปแล้ว
ผมยิ้มก่อนจะบอกคุณเสียงเบาว่าเมื่อวานคุณก็พูดแบบนี้
คุณหยุุุดพููดแล้วมองผมด้วยสายตายากที่จะเชื่อ
เราสองคนมองหน้ากัันก่อนที่คุณจะหลุดหัวเราะออกมา
พนันได้เลยว่าต่อให้ผมไปยืนดูแสงเหนือที่สุดขอบโลกก็คงไม่สวยงามเท่าภาพที่เห็นอยู่ตอนนี้
คุณบอกกับผมว่าผมกำลังเล่นตลกเพราะผมพูดเพ้อเจ้อ เราพึ่งเจอกันครั้งแรก คุณจะพูดแบบนั้นกับผมได้ยังไง
ผมทำเพียงแค่ยิ้ม, ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมงหลังจากที่เราพูดคุยแลกเปลีี่ยนความคิดกันในตู้โดยสาร
มีพบก็ต้องมีจาก ดังคำกล่าวของใครหลายคน
เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นอีกครั้งเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าเราต้องจากกัน
คุณเก็บสัมภาระทั้งหมดลงไปในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็ก คุณยิ้มให้ผมก่อนที่เราจะบอกลากัน
คุณถามผมว่าเราจะได้เจอกันอีกไหม, ผมยิ้มให้คุณแล้วจึงบอกกลับไปว่าแน่นอน เราจะได้เจอกันอีก คุณหัวเราะก่อนจะบอกลาผมเป็นครั้งสุดท้าย
ใจจริงผมอยากจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปของคุณเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำเสียด้วยซ้ำ
ผมยื่นตัวออกไปโบกมือลาคุณที่หน้าต่าง
คุณตะโกนถามผมว่าผมจะลงสถานีข้างหน้าใช่ไหม
รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง, ผมส่ายหัว ก่อนจะตะโกนบอกกลับคุณไปว่าไม่ ผมจะกลับไปที่ที่เราเจอกัน
เสียงรอบข้างเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อผู้โดยสารลงจากรถไปจนหมด เสียงของคุณเริ่มเบาจนผมแทบไม่ได้ยินพอๆกับเสียงของผมที่ส่งไปไม่ถึงคุณ ก่อนที่คุณจะถูกกลืนหายเข้าไปในกลุุุ่่มคน
/
เสียงหวูดรถไฟดังบอกสัญญาณว่ารถไฟขบวนสุดท้ายกำลังจะเคลื่อนตัวออก
เสียงจอแจจากผู้คนที่ดังในคราแรกเริ่มเงียบสงบลงเมื่อรถไฟเคลื่อนตัว จนเหลือเพียงแค่ความเงียบบนขบวนรถไฟ
ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีอีกครั้ง สีฟ้าครามถูกแทนที่ด้วยสีส้มอ่อนสลับเข้ม แสงขอพระอาทิตย์ที่เริ่มจะริบหรี่เต็มทีบอกเวลาพลบค่ำ
ผมหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่าน ปล่อยให้เวลาล่วงผ่านเลยไป จนกระทั่ง
ประตูตู้โดยสารถูกเปิดออกกครั้ง คุณเดินเข้ามาด้วยท่าทีเก้ๆกังๆก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับผม
คุณชวนผมคุยอีกครั้ง
ยื่นหูฟังอีกข้างให้ผมอีกครั้ง
หยิบรูปวาดของตัวเองขึ้นมาให้ผมดูอีกครั้ง
เล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังอีกครั้ง
ยิ้มให้ผมอีกครั้ง
วันนี้เป็นวันที่365วันหลังจากที่เราเจอกันครั้งแรก
คุณยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ยังคงเป็นคุณที่เจอผมเป็นครั้งแรกไปแล้ว365วัน
และเป็นผมที่ตกหลุมรักคุณคนเมื่อวานไปแล้ว365วันเช่นกัน
/ END