
16.05.2020
ไม่รู้ว่าจะให้คำนิยามอะไรกับสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ดี มีความสุดขีดในหลายๆมิติ สนุก เหนื่อย ท้อ และยุ่งมากมาก ในหัวใช้ความคิดเยอะที่สุดในชีวิตแล้วล่ะมั้ง
อย่างที่เราเคยจดบันทึกไว้ ว่าแฟนของเราลาออกจากงานและตั้งใจจะไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ เราสองคนตั้งใจกลับไปดูลาดเลา สำรวจตลาดสักสองอาทิตย์ ถือโอกาสพักร้อนผ่อนคลายไปในตัว เราเองก็ไม่ได้กลับบ้านไปเจอแม่เลยตั้งแต่วันหยุดปีใหม่ สรุปคือขับรถกลับกัน ก็ลุ้นๆนะว่าจะถูกกักตัวไหม แต่ก็ไม่เจอด่านอะไร ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แจ้งผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อย วัดไข้นู่นนี่
ทีนี้บ้านเราเนี่ย พ่อทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง รวมถึงรับเหมาต่อเติม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารร้านนึง ซึ่งตั้งแต่โควิดก็ไม่มีรายรับเลย ส่วนร้านวัสดุพ่อก็ไม่ไว้ใจคนที่ร้านทำให้ไปข้างนอกลำบาก หนี้สินก็เยอะ ดังนั้นพ่อก็ชวนเรามาช่วยบริหารจัดการ พ่อก็จะไปวิ่งงานได้มากขึ้น แฟนเราก็สนใจ แต่ปัญหาคือ ถ้าเรากลับไปทำงานกับพ่อ รายได้เรากับแฟนรวมกันปกติอยู่ที่ 100K จะลดลงเหลือ 40K ทันที แม้จะรู้ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าธุรกิจก็คงจะเป็นของเราเพราะพ่อ 61 แล้ว แต่ระหว่างนี้ก็กระทบกับการใช้ชีวิตพอสมควร
แต่สุดท้ายเมื่อตัดสินใจกลับ อันดับแรกเราไปลุยงานที่ร้านอาหารให้มีรายรับด้วยการทำเพจใหม่ ทำข้าวกล่องส่งซึ่งผลตอบรับดี ร้านมีรายรับทุกวันตั้งแต่วันละ 1,000 - 4,000 บาท ทำให้มีกำลังใจขึ้น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่ร้านจะหล่อเลี้ยงตัวเอง ส่วนร้านวัสดุก่อสร้างก็มีคนจะออก แต่พ่อยังไม่รู้ คนนี้ก็เป็นคนสำคัญในร้านแหละ คอยดูแลเงินทองต่างๆ แต่ก็น้อยใจพ่อเลยจะออกไปทำงานกับน้องชายพ่อ แค่พิมพ์ยังรู้เลยว่าวุ่นวายแน่ๆ
กลายเป็นรายรับของร้านไม่เพียงพอกับรายจ่าย
แต่ยังไงก็ตามเมื่อตัดสินใจลุยแล้วก็ต้องลุยอะเนอะ เราตั้งใจจะลาออก และก็กลับไปช่วยพ่อทำให้มันดีขึ้นแหละ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเรากับแฟนทำงานกันหัวหมุนวิ่งไปวิ่งมา ออกเช้ากลับสี่ทุ่มทุกวัน ทำทุกอย่างตั้งแต่คนสวนยันพ่อครัว เด็กเสิร์ฟ
หวังว่ามันจะดี ตัดสินใจแล้วก็มีแต่ลุยต่อ
เพราะความวิตกกังวลเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ไม่ได้
สู้โว้ยย
ไม่รู้ว่าจะให้คำนิยามอะไรกับสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ดี มีความสุดขีดในหลายๆมิติ สนุก เหนื่อย ท้อ และยุ่งมากมาก ในหัวใช้ความคิดเยอะที่สุดในชีวิตแล้วล่ะมั้ง
อย่างที่เราเคยจดบันทึกไว้ ว่าแฟนของเราลาออกจากงานและตั้งใจจะไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ เราสองคนตั้งใจกลับไปดูลาดเลา สำรวจตลาดสักสองอาทิตย์ ถือโอกาสพักร้อนผ่อนคลายไปในตัว เราเองก็ไม่ได้กลับบ้านไปเจอแม่เลยตั้งแต่วันหยุดปีใหม่ สรุปคือขับรถกลับกัน ก็ลุ้นๆนะว่าจะถูกกักตัวไหม แต่ก็ไม่เจอด่านอะไร ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แจ้งผู้ใหญ่บ้านเรียบร้อย วัดไข้นู่นนี่
ทีนี้บ้านเราเนี่ย พ่อทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง รวมถึงรับเหมาต่อเติม นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารร้านนึง ซึ่งตั้งแต่โควิดก็ไม่มีรายรับเลย ส่วนร้านวัสดุพ่อก็ไม่ไว้ใจคนที่ร้านทำให้ไปข้างนอกลำบาก หนี้สินก็เยอะ ดังนั้นพ่อก็ชวนเรามาช่วยบริหารจัดการ พ่อก็จะไปวิ่งงานได้มากขึ้น แฟนเราก็สนใจ แต่ปัญหาคือ ถ้าเรากลับไปทำงานกับพ่อ รายได้เรากับแฟนรวมกันปกติอยู่ที่ 100K จะลดลงเหลือ 40K ทันที แม้จะรู้ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าธุรกิจก็คงจะเป็นของเราเพราะพ่อ 61 แล้ว แต่ระหว่างนี้ก็กระทบกับการใช้ชีวิตพอสมควร
แต่สุดท้ายเมื่อตัดสินใจกลับ อันดับแรกเราไปลุยงานที่ร้านอาหารให้มีรายรับด้วยการทำเพจใหม่ ทำข้าวกล่องส่งซึ่งผลตอบรับดี ร้านมีรายรับทุกวันตั้งแต่วันละ 1,000 - 4,000 บาท ทำให้มีกำลังใจขึ้น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่ร้านจะหล่อเลี้ยงตัวเอง ส่วนร้านวัสดุก่อสร้างก็มีคนจะออก แต่พ่อยังไม่รู้ คนนี้ก็เป็นคนสำคัญในร้านแหละ คอยดูแลเงินทองต่างๆ แต่ก็น้อยใจพ่อเลยจะออกไปทำงานกับน้องชายพ่อ แค่พิมพ์ยังรู้เลยว่าวุ่นวายแน่ๆ
กลายเป็นรายรับของร้านไม่เพียงพอกับรายจ่าย
แต่ยังไงก็ตามเมื่อตัดสินใจลุยแล้วก็ต้องลุยอะเนอะ เราตั้งใจจะลาออก และก็กลับไปช่วยพ่อทำให้มันดีขึ้นแหละ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเรากับแฟนทำงานกันหัวหมุนวิ่งไปวิ่งมา ออกเช้ากลับสี่ทุ่มทุกวัน ทำทุกอย่างตั้งแต่คนสวนยันพ่อครัว เด็กเสิร์ฟ
หวังว่ามันจะดี ตัดสินใจแล้วก็มีแต่ลุยต่อ
เพราะความวิตกกังวลเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ไม่ได้
สู้โว้ยย
Written in this book
My diary
บันทึกความนึกคิดความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกเล่า
และเอื้อนเอ่ยผ่านพื้นที่ตรงไหนได้
บางทีคนเราก็ต้องเขียนสิ่งที่ติดอยู่ในหัว เอามันออกมา
จัดระเบียบความคิดภายในหัวอันยุ่งเหยิง
แล้วใช้ชีวิตแต่ละวันต่อไปให้เป็นปกติที่สุด