
เงินปกป้องรายได้ของครอบครัว(Income Protection)
"ใช่ครับ!! เรากำลังพูดถึงการประกันชีวิต "
ความเข้าใจที่เรียบง่ายของประกันชีวิตคือ
1.ประหยัด เพราะเราใช้เงินก้อนเล็กๆ ซื้อเงิน(ความคุ้มครอง)ก้อนใหญ่ ในวันที่ครอบครัวต้องการมากที่สุด
2.กันจน เพราะเมื่อผู้หารายได้เสียชีวิตไป ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องจ่าย(หรือหนี้สิน) อาจทำให้ครอบครัวจนลงโดยปัจจุบันทันด่วน การประกันชีวิต(ผู้หารายได้) จึงทำให้ครอบครัวปลอดจากความยากจนนั้น
3.ชีวิตมีสุข วันที่เราทำประกันชีวิต(ผู้หารายได้ของครอบครัว) ครบตามความจำเป็น จิตใจเราจะรู้สึกสงบสุข(Peace of Mind) การดำเนินชีวิตจะสามารถทำได้ด้วยความมีสติ รอบคอบ รับผิดชอบตนเองและคนที่ตัวเองรักในครอบครัว
เมื่อเรายอมรับว่าการปกป้องรายได้เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากในการวางแผนทางการเงินและชีวิตของเรา เพราะมี "รายได้" ของเรา คนที่เรารักและรับผิดชอบอยู่จึงมีความสุข แต่หากขาดรายได้ส่วนนี้ไปชั่วคราวหรือหายไปตลอดกาล พวกเขาย่อมพบกับความยากลำบากอย่างแน่นอน คนเราต้องมีความคุ้มครองรายได้เอาไว้ แต่จะทำประกันไว้เท่าไหร่ดีล่ะ?
วิธีคิดหาทุนประกันเพื่อความคุ้มครองรายได้ที่เหมาะสมนั้นโดยหลักการแล้วมีอยู่ 2 วิธีคือ
1.การแทนค่ามูลค่าของรายได้ที่จะหาได้ตั้งแต่ปัจจุบันจนเกษียณอายุ กับอีกวิธีหนึ่งคือ
2.การหาจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเป็นรายเดือนรวมระยะเวลา 5 ปี
ในที่นี้เราขอใช้วิธีที่ 2 คือ Expense Method เพื่อใช้ในการหาทุนความคุ้มครองรายได้ที่เหมาะสม เช่น
กรณีที่ 1 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นชายอายุ 25 ปี ยังโสด มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเดือนละ 10,000 บาทความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 600,000 บาท (10,000*12*5=600,000บาท) ชายหนุ่มคนนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 947 บาท (ปีละ 11,364 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 227,280 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูพ่อแม่) 600,000 บาทไปตลอดชีวิต
กรณีที่ 2 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นหญิงอายุ 30 ปี ยังโสด มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเดือนละ 20,000 บาท ความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 1,200,000 บาท (20,000*12*5=1,200,000 บาท) หญิงสาวท่านนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 1,733 บาท(ปีละ 20,796 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 415,920 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูพ่อแม่) 1,200,000 บาทไปตลอดชีวิต
กรณีที่ 3 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นชายอายุ 35 ปี มีครอบครัวแล้ว มีลูก 1 คน มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งครอบครัวเดือนละ 40,000 บาท ความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 2,400,000 บาท (40,000*12*5=2,400,000บาท) คุณพ่อท่านนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 4,806 บาท (ปีละ 57,672 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 1,153,440 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายของครอบครัว) 2,400,000 บาทไปตลอดชีวิต
กรณีที่ 4 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นชายอายุ 40 ปี มีครอบครัวแล้ว มีลูก 2 คนมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งครอบครัวเดือนละ 100,000 บาท ความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 6,000,000 บาท (100,000*12*5=6,000,000บาท) คุณพ่อท่านนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 13,754 บาท (ปีละ 165,045 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 3,300,900 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายในครอบครัว) 6,000,000 บาทไปตลอดชีวิต
ทำไมต้องใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการคำนวณ
การใช้ระยะเวลา 5 ปีมาคำนวณทุนประกันความคุ้มครองรายได้นั้นเพราะหากผู้ทำประกัน(แหล่งรายได้ของครอบครัว)ต้องเสียชีวิตลงไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ผู้รับประโยชน์ซึ่งก็คือคนที่เขารักและรับผิดชอบอยู่จะได้มี "เงินสดก้อนนึง" เอาไว้ใช้เพื่อปรับตัวเป็นระยะเวลานึง(อย่างน้อย 5 ปี) ใช้ทุนประกันเป็นเงินสดก้อนนึงที่จะส่งมอบไปให้
-พ่อแม่เพื่อเป็นค่าน้ำนม&หรือค่าเลี้ยงดูตั้งแต่แรกเกิดจนเรียนจบแล้วไปทำงานมีรายได้
-คู่ครองและ/หรือลูกๆ สำหรับเป็นค่าเลี้ยงดู เงินสำหรับการศึกษา การปรับตัวด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินชีวิต
เราจึงเรียกประกันชีวิตนี้ว่าเป็นการประกันรายได้(Income Protection) ของครอบครัว
แต่ถ้าหากเราคิดว่าตัวเราน่าจะมีประกัน "ค่าความสามารถในการหารายได้" มากกว่าวิธีคิดแบบนี้ก็ปรึกษาตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงินที่เราไว้ใจได้เลยครับ เพราะเราก็จะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับวิถีชีวิต(Life Style) ของเราอย่างแท้จริง
แม้ว่าเราได้ทำประกันชีวิตเพื่อปกป้องรายได้ของครอบครัวแล้ว แต่ว่าแผนการเงินส่วนบุคคลของเราก็ยังไม่สมบูรณ์หากเรายังไม่ได้ทำแผน...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
>>หนังสือดิจิทัลที่นี่ครับ
เข้าร่วมโครงการ ‘ช้อปช่วยชาติ’
หากซื้อโดยใช้รหัส AIS ราคา 159 บาทเท่านั้น
ชำนาญ จองพิพัฒน์
"ใช่ครับ!! เรากำลังพูดถึงการประกันชีวิต "
ความเข้าใจที่เรียบง่ายของประกันชีวิตคือ
1.ประหยัด เพราะเราใช้เงินก้อนเล็กๆ ซื้อเงิน(ความคุ้มครอง)ก้อนใหญ่ ในวันที่ครอบครัวต้องการมากที่สุด
2.กันจน เพราะเมื่อผู้หารายได้เสียชีวิตไป ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องจ่าย(หรือหนี้สิน) อาจทำให้ครอบครัวจนลงโดยปัจจุบันทันด่วน การประกันชีวิต(ผู้หารายได้) จึงทำให้ครอบครัวปลอดจากความยากจนนั้น
3.ชีวิตมีสุข วันที่เราทำประกันชีวิต(ผู้หารายได้ของครอบครัว) ครบตามความจำเป็น จิตใจเราจะรู้สึกสงบสุข(Peace of Mind) การดำเนินชีวิตจะสามารถทำได้ด้วยความมีสติ รอบคอบ รับผิดชอบตนเองและคนที่ตัวเองรักในครอบครัว
เมื่อเรายอมรับว่าการปกป้องรายได้เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากในการวางแผนทางการเงินและชีวิตของเรา เพราะมี "รายได้" ของเรา คนที่เรารักและรับผิดชอบอยู่จึงมีความสุข แต่หากขาดรายได้ส่วนนี้ไปชั่วคราวหรือหายไปตลอดกาล พวกเขาย่อมพบกับความยากลำบากอย่างแน่นอน คนเราต้องมีความคุ้มครองรายได้เอาไว้ แต่จะทำประกันไว้เท่าไหร่ดีล่ะ?
วิธีคิดหาทุนประกันเพื่อความคุ้มครองรายได้ที่เหมาะสมนั้นโดยหลักการแล้วมีอยู่ 2 วิธีคือ
1.การแทนค่ามูลค่าของรายได้ที่จะหาได้ตั้งแต่ปัจจุบันจนเกษียณอายุ กับอีกวิธีหนึ่งคือ
2.การหาจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเป็นรายเดือนรวมระยะเวลา 5 ปี
ในที่นี้เราขอใช้วิธีที่ 2 คือ Expense Method เพื่อใช้ในการหาทุนความคุ้มครองรายได้ที่เหมาะสม เช่น
กรณีที่ 1 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นชายอายุ 25 ปี ยังโสด มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเดือนละ 10,000 บาทความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 600,000 บาท (10,000*12*5=600,000บาท) ชายหนุ่มคนนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 947 บาท (ปีละ 11,364 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 227,280 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูพ่อแม่) 600,000 บาทไปตลอดชีวิต
กรณีที่ 2 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นหญิงอายุ 30 ปี ยังโสด มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเดือนละ 20,000 บาท ความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 1,200,000 บาท (20,000*12*5=1,200,000 บาท) หญิงสาวท่านนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 1,733 บาท(ปีละ 20,796 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 415,920 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูพ่อแม่) 1,200,000 บาทไปตลอดชีวิต
กรณีที่ 3 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นชายอายุ 35 ปี มีครอบครัวแล้ว มีลูก 1 คน มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งครอบครัวเดือนละ 40,000 บาท ความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 2,400,000 บาท (40,000*12*5=2,400,000บาท) คุณพ่อท่านนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 4,806 บาท (ปีละ 57,672 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 1,153,440 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายของครอบครัว) 2,400,000 บาทไปตลอดชีวิต
กรณีที่ 4 หากผู้ทำประกันชีวิตเป็นชายอายุ 40 ปี มีครอบครัวแล้ว มีลูก 2 คนมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นทั้งครอบครัวเดือนละ 100,000 บาท ความคุ้มครองที่เหมาะสมจะเท่ากับ 6,000,000 บาท (100,000*12*5=6,000,000บาท) คุณพ่อท่านนี้สามารถใช้เงินเดือนละ 13,754 บาท (ปีละ 165,045 บาท) ซื้อความคุ้มครองไป 20 ปี รวมเป็นเงิน 3,300,900 บาท แต่ได้รับความคุ้มครอง(ค่าใช้จ่ายในครอบครัว) 6,000,000 บาทไปตลอดชีวิต
ทำไมต้องใช้ระยะเวลา 5 ปี ในการคำนวณ
การใช้ระยะเวลา 5 ปีมาคำนวณทุนประกันความคุ้มครองรายได้นั้นเพราะหากผู้ทำประกัน(แหล่งรายได้ของครอบครัว)ต้องเสียชีวิตลงไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ผู้รับประโยชน์ซึ่งก็คือคนที่เขารักและรับผิดชอบอยู่จะได้มี "เงินสดก้อนนึง" เอาไว้ใช้เพื่อปรับตัวเป็นระยะเวลานึง(อย่างน้อย 5 ปี) ใช้ทุนประกันเป็นเงินสดก้อนนึงที่จะส่งมอบไปให้
-พ่อแม่เพื่อเป็นค่าน้ำนม&หรือค่าเลี้ยงดูตั้งแต่แรกเกิดจนเรียนจบแล้วไปทำงานมีรายได้
-คู่ครองและ/หรือลูกๆ สำหรับเป็นค่าเลี้ยงดู เงินสำหรับการศึกษา การปรับตัวด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินชีวิต
เราจึงเรียกประกันชีวิตนี้ว่าเป็นการประกันรายได้(Income Protection) ของครอบครัว
แต่ถ้าหากเราคิดว่าตัวเราน่าจะมีประกัน "ค่าความสามารถในการหารายได้" มากกว่าวิธีคิดแบบนี้ก็ปรึกษาตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงินที่เราไว้ใจได้เลยครับ เพราะเราก็จะได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับวิถีชีวิต(Life Style) ของเราอย่างแท้จริง
แม้ว่าเราได้ทำประกันชีวิตเพื่อปกป้องรายได้ของครอบครัวแล้ว แต่ว่าแผนการเงินส่วนบุคคลของเราก็ยังไม่สมบูรณ์หากเรายังไม่ได้ทำแผน...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
>>หนังสือดิจิทัลที่นี่ครับ
เข้าร่วมโครงการ ‘ช้อปช่วยชาติ’
หากซื้อโดยใช้รหัส AIS ราคา 159 บาทเท่านั้น
ชำนาญ จองพิพัฒน์
Written in this book
การเงินมั่งคั่ง:ชีวิตดี๊ดีถ้ารู้งี้ตั้งแต่อายุ 25
Writer
ChamnanJ
MDRTiFA Coach ,Invester,Writer
Senior Distric Manager_TEAMCHART AIA
ผมจบการศึกษาด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ในระดับปริญญาตรีและโทที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มีความสนใจพิเศษในด้านนิเทศศาสตร์และจิตวิทยา
เริ่มต้นทำงานในด้านการฝึกอบรมตัวแทนที่ AIA รวมทั้งฝ่ายบริหารตัวแทน
ตำแหน่งสุดท้ายคือผู้อำนวยการตัวแทน
เมื่อลาออกมาเป็นผู้บริหารทีมงานขายก็ได้ทำหน้าที่ด้านการฝึกอบรมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
จาก Trainnng Advisor,Premier Agency Trainning
งานในฐานะ Moderator เริ่มต้นเมื่อปี 2551 ในหลักสูตรของ Limra's Crossroad และ
โดยเฉพาะ Agency Management Trainning Course (AMTC 23 ครั้ง)
เมื่อมารับผิดชอบ Sales Builder ผมก็นำมาใช้กับกลุ่ม MDRT และประสบความสำเร็จอย่างมากที่เชียงใหม่
มีตัวแทน MDRT 3 คนในปีแรก 6,8,10 และ16 คนในปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันทำหน้าที่ผู้ดำเนินการสัมมนาหลักสูตร High Trust Financial Advisor
เพื่อมอบตัวแทนนักวางแผนการเงินอิสระให้สามารถช่วยลูกค้าได้อย่างเป็นมืออาชีพและมีจรรยาบรรณ
งานเขียนส่วนใหญ่เขียนจากประสบการณ์ตรงจากตนเองและประสบการณ์ของ คุณรัตนา กมลงามพิพัฒน์
7MDRT,FchFP,RFC ผู้ซึ่งมีอายุการทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินมากว่า 29ปี
และได้วางแผนการเงินส่วนบุคคลให้ลูกค้าแล้วจำนวนมาก
ได้รับรางวัล Prime Minister's insurance Award ติดต่อกัน 7ปี 2553-2558,2561
จากนายกรัฐมนตรีไทย (คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร,พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
ภาพประกอบการเขียนส่วนใหญ่นำมาจากอินเตอร์เน็ตขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
งานเขียนแรกเริ่มต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมาในหนังสือที่ใช้ชื่อว่า
" สร้างนิสัย MDRT ได้ใน 10 สัปดาห์" และเดือนพฤศจิกายน
เรื่อง "การเงินมั่งคั่ง:ชีวิตดี๊ดีถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่อายุ 25"
โดยเป็นบทความเกี่ยวกับแนวคิด ความรู้สึกและนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จ
รวมทั้งทิปเกี่ยวกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่ทำได้จริงในภาคปฎิบัติ
หากเพื่อนๆ มีข้อแนะนำเชิญ Inbox มาได้เลยครับ
ขอขอบคุณผู้สร้าง Storylog และเหล่านักเขียนทั้งหลายที่สร้างที่ที่พวกเราได้มารู้จักกันผ่านตัวหนังสือ