มานั่งคิด..."การใช้ชีวิตบางทีก็เหมือนกับการขับรถเนาะ" เราต้องมองตรงไปข้างหน้า อย่าห่วงแต่ข้างหลัง
เพิ่งจะสัมภาษณ์งานเสร็จไป
ตอนแรก นัดสัมภาษณ์ วันที่ 20
แต่พอเขาบอกว่าเขาสัมภาษณ์ทุกคนแล้วเหลือเราเป็นคนสุดท้ายเราก็เลยตัดสินใจว่าสัมภาษณ์วันนี้ก็ได้
บอกเลยว่าไม่พร้อมหรอกกังวลมาก
ว่าจะสัมภาษณ์ยังไงเราจะตอบยังไงถ้าเขาถามอย่างนี้
แต่เหลือเราเป็นคนสุดท้ายอะเนาะ
ก็ไม่อยากจะทำให้คนอื่นต้องรอ
เป็นไงเป็นกันวะ สัมฯมันวันนี้แหละ
...พอสัมภาษณ์เสร็จ เฮ้อ~ โล่งอก รู้สึกดีแฮะ ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีกแล้ว
สัมภาษณ์วันนี้มันก็ดีแฮะ
ไม่ต้องรอไปอีก 2 วัน
ยังไงสัมภาษณ์วันนี้หรือรออีก 2 วันแล้วสัมภาษณ์ผลมันก็ไม่ต่างกันหรอก
มันเลยทำให้เราคิดได้ว่าก็รีบสัมภาษณ์ให้มันเสร็จๆไป เราจะได้รู้เร็วขึ้นว่าเราสัมภาษณ์ผ่านไหมหรือมีแนวโน้มที่จะผ่านไหม
ถ้าเราสัมภาษณ์แล้ว ไม่น่าจะผ่านเราก็จะได้เอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัวทำอย่างอื่น
จะได้ไม่เสียเวลาฟรีๆไป2วัน
(ซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้สมัครที่อื่นไว้เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ)
นั่นคือข้อคิดที่ได้จากวันนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ได้หลังจากสัมภาษณ์ ครั้งนี้เสร็จแล้ว คือ
ฉันไม่มานั่งคิดว่า สิ่งที่ฉันสัมภาษณ์ไปมันดีหรือไม่ดี ฉันแปลกใจมากเลย
ทุกครั้งที่สัมภาษณ์ฉันจะมานั่งคิดว่า
"เฮ้ยทำไมตอนนั้นเราไม่ตอบยังไงวะ"
"ทำไมเราถึงตอบแบบนั้นไปวะ"
"อุ้ยเราไม่น่าตอบอย่างนี้ไปเลยอ่ะ"
มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวฉันโตขึ้นในระดับหนึ่งแล้ววะ
ไม่มานั่งติดกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว
...เข้าหัวข้อกันเลยนะ ...
การใช้ชีวิตบางทีมันก็เหมือนการขับรถ
เราต้องมองตรงไปข้างหน้า อย่าพะวงหลังเพราะถ้าเราห่วงแต่ข้างหลัง
เราจะมองไม่เห็นข้างหน้าและเราอาจจะขับรถชนก็ได้ มีแต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้น
บางคนอาจจะบอกว่า " ไม่ชนหรอก เพราะถึงแม้ฉันจะมองแต่ข้างหลัง แต่ฉันก็หยุดรถไว้ ไม่มีทางชนแน่นอน"
...การที่คุณหยุดรถก็เท่ากับการที่คุณหยุดเดิน
คุณอย่าลืมนะว่าเวลามันไม่เคยหยุดเดิน เวลามันเดินหน้าต่อไปของมันเรื่อยๆ
การที่คุณทำอย่างนั้น มันทำให้คุณไม่ก้าวหน้า มันทำให้คุณไม่ไปไหน
เป็นการใช้เวลาที่สิ้นเปลืองมากเลยนะ
ฉันอยากจะบอกคุณนะว่า....
"การที่คุณทำอะไรลงไป มันก็คือสิ่งที่เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว คุณแก้ไขอะไม่ได้แล้ว
ทางแก้ดีที่สุดคือการมองไปข้างหน้า
มองไปยังอนาคต ทำสิ่งที่อยู่ข้างหน้าให้ดีที่สุด
เพราะยังไงผลจากการกระทำนั้น
มันก็จะปรากฎขึ้นในอนาคตอยู่ดีี
เราพอถึงเวลานั้นคุณจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที"
เพิ่งจะสัมภาษณ์งานเสร็จไป
ตอนแรก นัดสัมภาษณ์ วันที่ 20
แต่พอเขาบอกว่าเขาสัมภาษณ์ทุกคนแล้วเหลือเราเป็นคนสุดท้ายเราก็เลยตัดสินใจว่าสัมภาษณ์วันนี้ก็ได้
บอกเลยว่าไม่พร้อมหรอกกังวลมาก
ว่าจะสัมภาษณ์ยังไงเราจะตอบยังไงถ้าเขาถามอย่างนี้
แต่เหลือเราเป็นคนสุดท้ายอะเนาะ
ก็ไม่อยากจะทำให้คนอื่นต้องรอ
เป็นไงเป็นกันวะ สัมฯมันวันนี้แหละ
...พอสัมภาษณ์เสร็จ เฮ้อ~ โล่งอก รู้สึกดีแฮะ ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลอีกแล้ว
สัมภาษณ์วันนี้มันก็ดีแฮะ
ไม่ต้องรอไปอีก 2 วัน
ยังไงสัมภาษณ์วันนี้หรือรออีก 2 วันแล้วสัมภาษณ์ผลมันก็ไม่ต่างกันหรอก
มันเลยทำให้เราคิดได้ว่าก็รีบสัมภาษณ์ให้มันเสร็จๆไป เราจะได้รู้เร็วขึ้นว่าเราสัมภาษณ์ผ่านไหมหรือมีแนวโน้มที่จะผ่านไหม
ถ้าเราสัมภาษณ์แล้ว ไม่น่าจะผ่านเราก็จะได้เอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัวทำอย่างอื่น
จะได้ไม่เสียเวลาฟรีๆไป2วัน
(ซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้สมัครที่อื่นไว้เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ)
นั่นคือข้อคิดที่ได้จากวันนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่ได้หลังจากสัมภาษณ์ ครั้งนี้เสร็จแล้ว คือ
ฉันไม่มานั่งคิดว่า สิ่งที่ฉันสัมภาษณ์ไปมันดีหรือไม่ดี ฉันแปลกใจมากเลย
ทุกครั้งที่สัมภาษณ์ฉันจะมานั่งคิดว่า
"เฮ้ยทำไมตอนนั้นเราไม่ตอบยังไงวะ"
"ทำไมเราถึงตอบแบบนั้นไปวะ"
"อุ้ยเราไม่น่าตอบอย่างนี้ไปเลยอ่ะ"
มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวฉันโตขึ้นในระดับหนึ่งแล้ววะ
ไม่มานั่งติดกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว
...เข้าหัวข้อกันเลยนะ ...
การใช้ชีวิตบางทีมันก็เหมือนการขับรถ
เราต้องมองตรงไปข้างหน้า อย่าพะวงหลังเพราะถ้าเราห่วงแต่ข้างหลัง
เราจะมองไม่เห็นข้างหน้าและเราอาจจะขับรถชนก็ได้ มีแต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้น
บางคนอาจจะบอกว่า " ไม่ชนหรอก เพราะถึงแม้ฉันจะมองแต่ข้างหลัง แต่ฉันก็หยุดรถไว้ ไม่มีทางชนแน่นอน"
...การที่คุณหยุดรถก็เท่ากับการที่คุณหยุดเดิน
คุณอย่าลืมนะว่าเวลามันไม่เคยหยุดเดิน เวลามันเดินหน้าต่อไปของมันเรื่อยๆ
การที่คุณทำอย่างนั้น มันทำให้คุณไม่ก้าวหน้า มันทำให้คุณไม่ไปไหน
เป็นการใช้เวลาที่สิ้นเปลืองมากเลยนะ
ฉันอยากจะบอกคุณนะว่า....
"การที่คุณทำอะไรลงไป มันก็คือสิ่งที่เป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว คุณแก้ไขอะไม่ได้แล้ว
ทางแก้ดีที่สุดคือการมองไปข้างหน้า
มองไปยังอนาคต ทำสิ่งที่อยู่ข้างหน้าให้ดีที่สุด
เพราะยังไงผลจากการกระทำนั้น
มันก็จะปรากฎขึ้นในอนาคตอยู่ดีี
เราพอถึงเวลานั้นคุณจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที"
Writer
MBS
another person
คนเราต่างมีหลายบุคลิกที่ต่างกัน ฉันคนหนึ่งที่มีความคิดหลายด้าน หลายมุมมอง จนบางครั้งอาจดูขัดแย้งกันไปเสียหมด แต่ทั้งหมดนั้นคือตัวตนของฉัน