
เรียนแค่ 2 วิชาเอง เป็นตารางที่น้อยที่สุดตั้งแต่เปิดเทอมมา แต่วันนี้หม่นหมองมาก เพราะเป็นการเรียนแบบที่ไม่ชอบอีกแล้ว อาจารย์จะกระตุ้นให้ทำกิจกรรมอะไรบางอย่างร่วมกัน มีทบทวน มีคำถาม มีความคาดหวัง มีความผิดหวัง ถามตอบกระตุ้นกันตลอดเวลาสอน แต่เราไม่ชอบเอาซะเลย เจออาจารย์แบบนี้ทีไร รู้ตัวว่าต้องไม่ได้100% อย่างที่ควรจะเป็น เพราะต้องแบ่งสมองไปคิดว่า เขาจะเลื่อนไปสไลด์ถัดไปเมื่อไรนะ....
การเรียนการสอนที่เราชอบคือนั่งเฉยๆ ไม่บังคับว่าต้องเรียนยังไง จะสนใจหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าสนใจก็ได้ความรู้ไปเต็มๆ ส่วนเรื่องเล่าเฮฮา คำถามชวนคิด หรือการแสดงอารมณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเรียนของอาจารย์เนี่ย ทำให้อึดอัดจริงๆ อาจารย์บางคนก็มีสไตล์การสอนเป็นของตัวเอง ย้ำบ่อยๆว่าอาจารย์ชอบสอนแบบนี้ๆ อยากให้รู้ว่านักเรียนแต่ละคนก็มีสไตล์การเรียนเป็นของตัวเองเหมือนกัน ช่วงหลังเจออาจารย์คนนึงย้ำบ่อยๆว่า ไม่ต้องจด จะจดทำไม เข้าใจในห้องเลยดีกว่า...แบบนี้ล้ำเส้น ความเข้าใจคนเรามันต่างกัน บังคับให้คนอื่นไม่จดเพราะตัวเองไม่จดก็จำได้เนี่ยนะ น่าหงุดหงิดจริงๆ
การเสียสมาธิระหว่างเรียนมันก็เกิดได้หลายทาง กับลักษณะการสอนของอาจารย์นี่คืออันดับ1 นิสัยส่วนตัวและคำพูดของอาจารย์เป็นอันดับ2 (โดยเฉพาะอาจารย์ที่มาด้วยความมั่นใจในตัวเองมากๆเนี่ย แค่พูดคำแรกก็เตรียมตัวหงุดหงิดตลอดชั่วโมงนั้นได้เลย) อันดับ3เป็นตำแหน่งที่นั่งในห้อง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ชินกับการนั่งเผชิญหน้ากับอาจารย์เท่าไร ไม่ชอบนัก แต่ก็เป็นที่ที่ทำให้มีสมาธิ ทัศนวิสัยดีทีเดียว อันดับ4เป็นบุคคลที่นั่งข้างๆ หรืออยู่ในระยะสายตา รู้สึกว่ามีเพื่อนมองมาบ่อยมาก เอาอีกแล้ว รู้สึกไปเองแบบนี้อีกแล้ว แล้วก็ใช้มุกไม่สนใจ ไม่รับรู้แบบเดิม พอใส่แว่นแล้วขาแว่นบังด้านข้างไปบ้างก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย และอันดับ5คือตัวเอง ถ้าตอนเรียนจัดการตัวเองดี กระดาษพร้อม ปากกาพร้อม ฟังตาม คิดตาม เขียนตามอาจารย์ทัน จะเรียกว่า100% ถ้าไม่ทันไปบ้างก็หักๆเปอร์เซนต์ออกไป ที่แย่หน่อยคือง่วงมากจนจดตามไม่ทัน จดในแท็บเล็ตมักจะชุ่ยๆกว่าในกระดาษจริงๆด้วย ยังไงก็ยังชอบกระดาษมากกว่า และแย่ที่สุดคือเรียนไม่ไหว ไม่สนใจแล้ว นั่งวาดรูปเฉยเลยTT แต่วันนี้ไม่ถึงขั้นวาดรูป แค่ไม่สนใจและจดแค่60% มาตื่นๆตอนหลังที่มีนักศึกษาญี่ปุ่นเข้ามานั่งเรียนด้วย อาจารย์ก็เลยสอนเป็นภาษาอังกฤษ นั่งแปลให้ทันก็ยากแล้วเลยไม่ง่วง5555
อาหารกลางวันเป็นข้าวมันไก่ อาจารย์เลี้ยง เลยประหยัดไปอีกมื้อ ส่วนตอนบ่ายเหมือนมีลมกรรโชกพัดมาเฮือกนึง อาจารย์แรปแปปเดียว เสร็จก็ออกไป สมองโล่งเชียว ตาจะปิดให้ได้
พอเรียนเสร็จก็ไปเดินห้างตามที่คุยไว้กับเพื่อน เจอของลดราคาก็เสียเงินจนได้TT ช่วงนี้ถังแตกรุนแรงจริงๆ ต้องประหยัดถึงขั้นมื้อเที่ยงเป็นมาม่าทุกวัน (โชคดีวันนี้ข้าวมันไก่ฟรีTT) ความฟุ่มเฟือยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เงินเก็บร่อยหรอมาก มากระทบเดือนนี้เต็มๆ เดือนหน้าด้วย ยังมาไม่ถึงแต่ใช้เงินอนาคตไปเรียบร้อย ถึงขีดสุดแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องประหยัด เพราะไม่มีเงินใช้แล้วจริงๆ สงสารพ่อกับแม่จัง มีลูกฟุ่มเฟือยTT พยายามซื้อแต่ของจำเป็น ข้าวเย็น แล้วก็กลับมาห้อง จ่ายอีกแล้ว หยอดเหรียญซักผ้าอีก คิดจริงๆสัปดาห์ละ70ได้มั้ง ถ้าซักที่นี่ แต่ถ้าขนไปให้แม่ซักที่บ้านจะเหลือ40 เดือนนึงก็160บาทแล้ว รายจ่ายมันเยอะจริงๆTT กลับห้องมาทำนู่นทำนี่แล้วก็จดจ่อกับจอเล็กๆจอเดิม เหมือนเป็นยาเสพติด ทำอะไรมีสาระไม่ได้เลย ดีที่สุดของวันนี้ก็คงจะเป็น การได้มาเขียนบันทึกแบบนี้ละมั้ง
การเรียนการสอนที่เราชอบคือนั่งเฉยๆ ไม่บังคับว่าต้องเรียนยังไง จะสนใจหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้าสนใจก็ได้ความรู้ไปเต็มๆ ส่วนเรื่องเล่าเฮฮา คำถามชวนคิด หรือการแสดงอารมณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเรียนของอาจารย์เนี่ย ทำให้อึดอัดจริงๆ อาจารย์บางคนก็มีสไตล์การสอนเป็นของตัวเอง ย้ำบ่อยๆว่าอาจารย์ชอบสอนแบบนี้ๆ อยากให้รู้ว่านักเรียนแต่ละคนก็มีสไตล์การเรียนเป็นของตัวเองเหมือนกัน ช่วงหลังเจออาจารย์คนนึงย้ำบ่อยๆว่า ไม่ต้องจด จะจดทำไม เข้าใจในห้องเลยดีกว่า...แบบนี้ล้ำเส้น ความเข้าใจคนเรามันต่างกัน บังคับให้คนอื่นไม่จดเพราะตัวเองไม่จดก็จำได้เนี่ยนะ น่าหงุดหงิดจริงๆ
การเสียสมาธิระหว่างเรียนมันก็เกิดได้หลายทาง กับลักษณะการสอนของอาจารย์นี่คืออันดับ1 นิสัยส่วนตัวและคำพูดของอาจารย์เป็นอันดับ2 (โดยเฉพาะอาจารย์ที่มาด้วยความมั่นใจในตัวเองมากๆเนี่ย แค่พูดคำแรกก็เตรียมตัวหงุดหงิดตลอดชั่วโมงนั้นได้เลย) อันดับ3เป็นตำแหน่งที่นั่งในห้อง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ชินกับการนั่งเผชิญหน้ากับอาจารย์เท่าไร ไม่ชอบนัก แต่ก็เป็นที่ที่ทำให้มีสมาธิ ทัศนวิสัยดีทีเดียว อันดับ4เป็นบุคคลที่นั่งข้างๆ หรืออยู่ในระยะสายตา รู้สึกว่ามีเพื่อนมองมาบ่อยมาก เอาอีกแล้ว รู้สึกไปเองแบบนี้อีกแล้ว แล้วก็ใช้มุกไม่สนใจ ไม่รับรู้แบบเดิม พอใส่แว่นแล้วขาแว่นบังด้านข้างไปบ้างก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย และอันดับ5คือตัวเอง ถ้าตอนเรียนจัดการตัวเองดี กระดาษพร้อม ปากกาพร้อม ฟังตาม คิดตาม เขียนตามอาจารย์ทัน จะเรียกว่า100% ถ้าไม่ทันไปบ้างก็หักๆเปอร์เซนต์ออกไป ที่แย่หน่อยคือง่วงมากจนจดตามไม่ทัน จดในแท็บเล็ตมักจะชุ่ยๆกว่าในกระดาษจริงๆด้วย ยังไงก็ยังชอบกระดาษมากกว่า และแย่ที่สุดคือเรียนไม่ไหว ไม่สนใจแล้ว นั่งวาดรูปเฉยเลยTT แต่วันนี้ไม่ถึงขั้นวาดรูป แค่ไม่สนใจและจดแค่60% มาตื่นๆตอนหลังที่มีนักศึกษาญี่ปุ่นเข้ามานั่งเรียนด้วย อาจารย์ก็เลยสอนเป็นภาษาอังกฤษ นั่งแปลให้ทันก็ยากแล้วเลยไม่ง่วง5555
อาหารกลางวันเป็นข้าวมันไก่ อาจารย์เลี้ยง เลยประหยัดไปอีกมื้อ ส่วนตอนบ่ายเหมือนมีลมกรรโชกพัดมาเฮือกนึง อาจารย์แรปแปปเดียว เสร็จก็ออกไป สมองโล่งเชียว ตาจะปิดให้ได้
พอเรียนเสร็จก็ไปเดินห้างตามที่คุยไว้กับเพื่อน เจอของลดราคาก็เสียเงินจนได้TT ช่วงนี้ถังแตกรุนแรงจริงๆ ต้องประหยัดถึงขั้นมื้อเที่ยงเป็นมาม่าทุกวัน (โชคดีวันนี้ข้าวมันไก่ฟรีTT) ความฟุ่มเฟือยเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้เงินเก็บร่อยหรอมาก มากระทบเดือนนี้เต็มๆ เดือนหน้าด้วย ยังมาไม่ถึงแต่ใช้เงินอนาคตไปเรียบร้อย ถึงขีดสุดแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องประหยัด เพราะไม่มีเงินใช้แล้วจริงๆ สงสารพ่อกับแม่จัง มีลูกฟุ่มเฟือยTT พยายามซื้อแต่ของจำเป็น ข้าวเย็น แล้วก็กลับมาห้อง จ่ายอีกแล้ว หยอดเหรียญซักผ้าอีก คิดจริงๆสัปดาห์ละ70ได้มั้ง ถ้าซักที่นี่ แต่ถ้าขนไปให้แม่ซักที่บ้านจะเหลือ40 เดือนนึงก็160บาทแล้ว รายจ่ายมันเยอะจริงๆTT กลับห้องมาทำนู่นทำนี่แล้วก็จดจ่อกับจอเล็กๆจอเดิม เหมือนเป็นยาเสพติด ทำอะไรมีสาระไม่ได้เลย ดีที่สุดของวันนี้ก็คงจะเป็น การได้มาเขียนบันทึกแบบนี้ละมั้ง
Written in this book
dont forget