ประเทศไทยกับความหวังเจริญอันริบหรี่ ของผู้โยงริบบิ้นเล่นการเมืองไม่ห่วงประเทศ ผ่านนโยบายสวยงามที่หลอกลวง เราจะพยายามไม่วิจารณ์ความเห็นใคร แต่เราขอเสนอความเห็นเรา
1. ตั้งครรภ์แล้วรับเงิน เข้าใจว่า อยากกระตุ้นการเพิ่มจำนวนประชากร แต่ปัญหาที่คนเขาไม่แต่งงานและมีลูกกัน เพราะคนเขาไม่พร้อมทางสังคม เศรษฐกิจ ความเลื่อมล้ำการศึกษาอย่างรุนแรงขึ้นต่างหาก ถ้าให้เงินสนับสนุนการตั้งครรภ์ ประชากรเพิ่ม แต่คุณภาพของเด็กเหล่านั้นจะดีได้ใช่ไหม? เพราะคนสามารถสร้างและทำลายได้มากที่สุด ดังนั้นเราว่า นโยบายนี้ไม่ควรมี นอกจากปรับเป็น ผู้มีรายได้น้อยฝากครรภ์ เข้ารับการอบรมเลี้ยงลูกฟรี อันนี้เห็นด้วย
2. การศึกษา ควรปฏฺิรูปการศึกษาใหม่ เงินสนับสนุนด้านการศึกษาเยอะ แต่ไม่ถึงผู้ทำวิจัย โครงการพัฒนาในโรงเรียนอย่างแท้จริง เลิกคอรัปชั่น แล้วช่วยกันสร้างชาติเถอะ เงินเดือนไม่พอหรือใจรั่วต้องการไม่สุด ไม่ใช่มุ่งแต่สาขาใด สาขาหนึ่ง แต่พัฒนาทุกสาขา งานวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แปรรูปข้าว ยางพารา พืชผลเกษตร ผลิตไบโอดีเซลให้ขายได้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง จดลิขสิทธิ์ เราได้เปรียบมีพืชผักผลไม้เยอะ แต่ไม่ใช่ประโยชน์ เพราะมัวแต่โกงกินหากำไรให้ตัวเองกัน การศึกษาพวกศิลปะ มีการจัดการแสดงประกวดของเด็กนักเรียนและนักศึึกษา ตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ท่องเที่ยวจริง สำหรับสาขาดีไซน์เนอร์ การแสดง ดนตรี กีฬา มีเวทีสำหรับเด็กในใจกลางกรุงเทพฯ ให้แต่ละโรงเรียนได้ส่งเด็กเข้าร่วม หรือช่วงวันเสาร์อาทิตย์ให้เด็กลงทะเบียนขอขึ้นเวทีเอง
เชื่อม ปวช. ปวส. ให้เข้ามหาวิทยาลัยได้ทุกแห่ง โดยเรียนต่ออีก 2 ปี โดยสามารถใช้ใบผ่านงานที่ตัวเองเคยทำได้ เพราะพวกเรียนจบปวส.ที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำงานเก่งกว่าและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ปรับตัวได้ดีมากกว่า ดังนั้นเราจะได้ทั้งนักบริหารและปฏิบัติ จะทำให้ทุกมหาวิทยาลัยไม่ต้องปิดตัวเพราะไม่มีนักเรียน และการเรียนสมัยใหม่ต้องทันสมัย อิงหลักการตลาดและโลกอนาคต
ครูควรจบครูโดยตรงเป็นสิ่งที่ดี แต่เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้สนใจเป็นครู คือ รับผู้ที่เรียนจบเอกเฉพาะ โดยเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป เพราะเด็กพวกนี้สามารถนำเกรดยื่นขอทุนได้ แต่ถ้าจะเป็นครูต้องเรียนจิตวิทยาหรือหลักสูตรเกี่ยวข้องกับการเป็นครูต่อ 2 ปี และฝึกสอน 1 ปี ถึงจะได้สอบบรรจุวิชาชีพครู และแม้จบครูปริญญาตรีการสอบบรรจุครูทุกคนต้องผ่านการทดสอบทางจิตวิทยา ผ่านการสร้างสถานการณ์จริง และเลือกจากเด็กในห้องทดลองนั่น รวมกับคณะกรรมการที่ประเมินผ่านคลิปวีดิโอที่ทางโรงเรียนต่างๆ แอบถ่ายพฤติกรรมครู เพื่อให้ได้ครูที่เก่งวิชาการและเข้าใจเด็กอย่างแท้จริง ลดงานครูผู้สอน โดยมีครูผู้ช่วยเป็นธุรการในการทำเอกสาร เสนอโครงการ ประชุมแทนครูผู้สอน โดยบุคลิกครูผู้ช่วยคือเข้าใจระบบการศึกษาและเด็ก แต่ไม่เก่งทำงานกับคน
โรงเรียน ไม่ว่าโรงเรียนเล็กหรือใหญ่ ห้องสายไหนก็ได้รับการศึกษาเท่าเทียมกัน ไม่สนับสนุนให้ยุบโรงเรียน แต่ควรสร้างเครือข่ายโรงเรียน ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ คอนฟาเลนท์เป็นสิ่งที่ดี ให้เด็กนอกห้องและในห้องได้เจอกัน ผ่านจอทีวี ถามตอบตรงนั้นเลย ครูมี 2 คนต่อห้องในโรงเรียนหลัก สนับสนุนทุนการศึกษาให้ผู้อยู่พื้นที่ห่างไกลและยากจน ต่อมาคือ การแบ่งห้องครูทุกคนต้องเข้มงวดในการสอน โดยมีการลงชื่อครูเข้าห้องเรียนทุกคาบ และประเมินพฤติกรรมครูผู้สอนตรงนั้นด้วย ผลงานของเด็กคือผลงานของครู แต่ไม่ได้วัดที่ความสำเร็จของเด็ก แต่วัดที่การบ่มเพาะและช่วงเวลาพัฒนาเด็ก ครูจะได้ใส่ใจในพรสวรรค์ของเด็กทุกคน
เด็กที่ครอบครัวรายได้น้อยได้เรียนฟรีถึง ม.3 แต่การศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ที่ ม.6 ดังนั้นเด็กที่ทางบ้านรายได้น้อยแต่สนใจการศึกษาต้องสอบชิงทุนเข้าม.ปลายในโรงเรียนต่างๆ หากได้ทุนก็เรียนฟรีตลอด ม.ปลาย หรือสายอาชีวะก็เช่นกัน เป็นการคัดเด็กที่ต้องการศึกษาจริงๆ และยกเลิกการสอบแข่งขันเข้า ม.1 ของเด็ก แต่อาศัยความเร็วของผู้ปกครองในการสมัครเรียนในโรงเรียนนั่นๆ และใช้แบบทดสอบทางจิตวิทยาในการแบ่งห้องเรียนให้กับเด็ก ส่วนเด็กที่ต้องการย้ายห้องให้สัมภาษณ์เด็กเป็นกรณี เมื่อขึ้น ม.3 ให้ใช้แบบทดสอบจิตวิทยาและความถนัด พร้อมให้เด็กลิสต์วิชาที่ชอบ 3 อันดับแรก ในการเลือกห้อง เด็กที่ต้องการย้ายห้องให้สอบวิชาการเพื่อไปในห้องนั้นๆ ส่วนภาคปวช. และ ปวส. ใช้แบบทดสอบจิตวิทยา ความถนัด และสัมภาษณ์แรงจูงใจที่เลือกเรียน และเรียนเฉพาะทาง ร่วมมือกับเอกชนให้เด็กทดลองทำงานจริงในสายที่เรียนมา หรือมีวิทยากรเก่งๆ ในสายงานนั้นมาสอน ให้โจทย์ และตรวจงาน เพื่อสะสมเป็นผลงานยื่นมหาวิทยาลัยหรือสมัครงาน ส่วนการเข้ามหาวิทยาลัยต้องสอบวิชาการถูกแล้ว ส่วนจิตวิทยาไม่ต้องแล้ว เพื่อให้เด็กได้ตัดสินใจเองว่าจะเดินทางชีวิตแบบไหน เพราะตอนนั้น เขาโตพอจะหาข้อมูลและให้เหตุผลกับครอบครัว
ผู้ปกครอง สื่อต้องช่วยเสนอความสำเร็จของคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆด้าน เลิกค่านิยมเด็กวิทย์คณิตเก่ง คนเก่งคือหมอ แต่ให้มองทุกอาชีพมีความเก่ง หากลูกไปให้สุด และได้รับแรงสนับสนุนจากพ่อแม่ หากมีผลงานจะได้รับทุนการศึกษาจากรัฐ
3. พัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้เงิน แต่สนับสนุนอาชีพ พัฒนาอาชีพในแขนงต่างๆ โดยสนใจในเรื่องลิขสิทธิ์มากขึ้น พัฒนางานวิจัยเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ เศรษฐกิจไทยจะได้ไม่ต้องพึ่งสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติหรือฤดูกาลเยอะ จะได้พัฒนาเร็วขึ้น ใช้ผลผลิตการเกษตรให้เป็นประโยชน์ ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ใช้ทดแทนพลังงานน้ำมันหรือไอน้ำ สร้างแหล่งเชื้อเพลิงแนวใหม่ใช้ในประเทศและส่งออก เน้นการแปรรูป มูลค่าผลผลิตการเกษตร ใน SME ที่มีโครงการที่แปลกใหม่ สนับสนุนธุรกิจ Start up หรือ แม่ค้าออนไลน์ โดยเพิ่มงานวิจัย Blockchain Big data plate form โดยหากธุรกิจใดที่ทำเกี่ยวข้องกับสิ่งพวกนี้ จะได้ลดภาษี เพื่อเป็นการระดมผู้คิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ วิเคราะห์ตลาดในประเทศได้แม่นยำขึ้น และให้ข้อมูลบางส่วนไม่รั่วไหลไปต่างชาติ เพราะอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กำลังมีการเปลี่ยนแปลง และสามารถเชื่อมโลก สะสมข้อมูลได้มาก เป็นแหล่งในการวิเคราะห์ประเทศได้ดี ควรมีผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ เซฟเวอร์ หรือฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง อุตสาหกรรมสื่อ ภาพยนตร์ เชื่อมโลกโซเชียลขึ้นทีวี คือหารายการสร้างสรรค์โลกโซเชียล ขยายสู่ทีวี ภาพยนตร์ มีการสนับสนุนการประกวด วงดนตรีแยกตามประเภท T-POP T-Rock ลูกทุ่ง ลูกกรุง ภาพยนตร์ แบ่งตามคอมมาดี้ โรแมนติก ชีวิต เพื่อให้วงการบันเทิงเกิดการแข่งขัน หาช่องทางทำสื่อที่แตกต่าง ในแต่ละประเภทที่ชัดเจน กระทรวงท่องเที่ยว วัฒนธรรม ร่วมมือกับสื่อในการทำละคร ภาพยนตร์กระตุ้นการท่องเที่ยว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ส่วนวัฒนธรรมต้องเลิกเก็บบนหิ้งคือการรักษา นักแสดงบางคนรำเป็น เล่นดนตรีไทยได้ ทำให้เขาเป็นเอกลักษณ์ ไปที่ไหนได้โชว์ความสามารถ จนคนซึมซับว่า ของไทยไม่ได้ล้าหลัง แต่ที่มันล้าหลัง เพราะคนไทยอนุรักษ์ไว้บนหิ้ง แตะต้องไม่ได้ กลัวมันถูกทำลาย แต่การเก็บไว้ทำให้มันถูกลืม กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว รวมถึงเอกชน จับมือกันสร้างแฟชั่นชุดไทย ที่ไม่ใช่ใส่แค่วันพิเศษนานปีทีหน แต่ใส่กันเดือนละครั้งโดยสมัครใจ แต่ถ้าใส่จะได้ส่วนลดค่าเที่ยว ค่าโดยสาร ค่าอาหาร หรือค่าเข้าชมต่างๆ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่จะต้องสร้างสรรค์ผลงานเสื้อผ้าไทยสไตล์ใหม่ รองรับเทศกาล ปล่อยของ ทุกเดือน
เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติให้ยั่งยืน เพราะรายได้ไทยมาจากการท่องเที่ยว ดังนั้นจัดการเมืองให้สะอาด แก้ปัญหารถติด
4. สาธารณสุข ไม่ควรยกเลิกบัตรทองสำหรับคนมีรายได้น้อย เพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ให้หมอ พยาบาล เภสัช รวมถึงเวชทะเบียนในโรงพยาบาลมีวันลาพักร้อนมากกว่า 7 วัน หยุดมากกว่า 13 วันต่อปี เพื่อชดเชยกับการต้องเข้าเวร หมุนกะ รักษาสุขภาพจิต ทุกคนในประเทศควรได้รับการตรวจร่างกายทุกปี ในกรณีที่มีรายได้น้อย เพราะคนพวกนี้อาจอดอยาก ขาดแคลนอาหาร ครอบครัวที่มีผู้พิการ สามารถยื่นบัตรผู้พิการที่ดูอยู่ให้กับบริษัท เพื่อขอหยุดหรือทำงานในเวลาที่ยืดหยุ่น โดยเวลาที่ผู้ดูแลผู้พิการขาดไป สามารถใช้ลดหย่อนภาษีในบริษัทได้ ผู้พิการทางด้านร่างกายต่างๆ ได้รับการส่งเสริมทางด้านอาชีพ เปิดสถาบันพวกพวกเขา นำเรื่องราวพวกเขาถ่ายทอดสู่้คน ให้เข้าใจกันมากขึ้น
ตันแหละ นึกไม่ออกแล้ว
ยังไงได้แต่หวังว่า ประเทศไทยคงไม่ประสบปัญหา คอรัปชั่นมากขึ้น ว่างงานมากขึ้น เงินเฟ้อกระจาย
1. ตั้งครรภ์แล้วรับเงิน เข้าใจว่า อยากกระตุ้นการเพิ่มจำนวนประชากร แต่ปัญหาที่คนเขาไม่แต่งงานและมีลูกกัน เพราะคนเขาไม่พร้อมทางสังคม เศรษฐกิจ ความเลื่อมล้ำการศึกษาอย่างรุนแรงขึ้นต่างหาก ถ้าให้เงินสนับสนุนการตั้งครรภ์ ประชากรเพิ่ม แต่คุณภาพของเด็กเหล่านั้นจะดีได้ใช่ไหม? เพราะคนสามารถสร้างและทำลายได้มากที่สุด ดังนั้นเราว่า นโยบายนี้ไม่ควรมี นอกจากปรับเป็น ผู้มีรายได้น้อยฝากครรภ์ เข้ารับการอบรมเลี้ยงลูกฟรี อันนี้เห็นด้วย
2. การศึกษา ควรปฏฺิรูปการศึกษาใหม่ เงินสนับสนุนด้านการศึกษาเยอะ แต่ไม่ถึงผู้ทำวิจัย โครงการพัฒนาในโรงเรียนอย่างแท้จริง เลิกคอรัปชั่น แล้วช่วยกันสร้างชาติเถอะ เงินเดือนไม่พอหรือใจรั่วต้องการไม่สุด ไม่ใช่มุ่งแต่สาขาใด สาขาหนึ่ง แต่พัฒนาทุกสาขา งานวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แปรรูปข้าว ยางพารา พืชผลเกษตร ผลิตไบโอดีเซลให้ขายได้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิง จดลิขสิทธิ์ เราได้เปรียบมีพืชผักผลไม้เยอะ แต่ไม่ใช่ประโยชน์ เพราะมัวแต่โกงกินหากำไรให้ตัวเองกัน การศึกษาพวกศิลปะ มีการจัดการแสดงประกวดของเด็กนักเรียนและนักศึึกษา ตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ท่องเที่ยวจริง สำหรับสาขาดีไซน์เนอร์ การแสดง ดนตรี กีฬา มีเวทีสำหรับเด็กในใจกลางกรุงเทพฯ ให้แต่ละโรงเรียนได้ส่งเด็กเข้าร่วม หรือช่วงวันเสาร์อาทิตย์ให้เด็กลงทะเบียนขอขึ้นเวทีเอง
เชื่อม ปวช. ปวส. ให้เข้ามหาวิทยาลัยได้ทุกแห่ง โดยเรียนต่ออีก 2 ปี โดยสามารถใช้ใบผ่านงานที่ตัวเองเคยทำได้ เพราะพวกเรียนจบปวส.ที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำงานเก่งกว่าและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ปรับตัวได้ดีมากกว่า ดังนั้นเราจะได้ทั้งนักบริหารและปฏิบัติ จะทำให้ทุกมหาวิทยาลัยไม่ต้องปิดตัวเพราะไม่มีนักเรียน และการเรียนสมัยใหม่ต้องทันสมัย อิงหลักการตลาดและโลกอนาคต
ครูควรจบครูโดยตรงเป็นสิ่งที่ดี แต่เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้สนใจเป็นครู คือ รับผู้ที่เรียนจบเอกเฉพาะ โดยเกรดเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป เพราะเด็กพวกนี้สามารถนำเกรดยื่นขอทุนได้ แต่ถ้าจะเป็นครูต้องเรียนจิตวิทยาหรือหลักสูตรเกี่ยวข้องกับการเป็นครูต่อ 2 ปี และฝึกสอน 1 ปี ถึงจะได้สอบบรรจุวิชาชีพครู และแม้จบครูปริญญาตรีการสอบบรรจุครูทุกคนต้องผ่านการทดสอบทางจิตวิทยา ผ่านการสร้างสถานการณ์จริง และเลือกจากเด็กในห้องทดลองนั่น รวมกับคณะกรรมการที่ประเมินผ่านคลิปวีดิโอที่ทางโรงเรียนต่างๆ แอบถ่ายพฤติกรรมครู เพื่อให้ได้ครูที่เก่งวิชาการและเข้าใจเด็กอย่างแท้จริง ลดงานครูผู้สอน โดยมีครูผู้ช่วยเป็นธุรการในการทำเอกสาร เสนอโครงการ ประชุมแทนครูผู้สอน โดยบุคลิกครูผู้ช่วยคือเข้าใจระบบการศึกษาและเด็ก แต่ไม่เก่งทำงานกับคน
โรงเรียน ไม่ว่าโรงเรียนเล็กหรือใหญ่ ห้องสายไหนก็ได้รับการศึกษาเท่าเทียมกัน ไม่สนับสนุนให้ยุบโรงเรียน แต่ควรสร้างเครือข่ายโรงเรียน ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ คอนฟาเลนท์เป็นสิ่งที่ดี ให้เด็กนอกห้องและในห้องได้เจอกัน ผ่านจอทีวี ถามตอบตรงนั้นเลย ครูมี 2 คนต่อห้องในโรงเรียนหลัก สนับสนุนทุนการศึกษาให้ผู้อยู่พื้นที่ห่างไกลและยากจน ต่อมาคือ การแบ่งห้องครูทุกคนต้องเข้มงวดในการสอน โดยมีการลงชื่อครูเข้าห้องเรียนทุกคาบ และประเมินพฤติกรรมครูผู้สอนตรงนั้นด้วย ผลงานของเด็กคือผลงานของครู แต่ไม่ได้วัดที่ความสำเร็จของเด็ก แต่วัดที่การบ่มเพาะและช่วงเวลาพัฒนาเด็ก ครูจะได้ใส่ใจในพรสวรรค์ของเด็กทุกคน
เด็กที่ครอบครัวรายได้น้อยได้เรียนฟรีถึง ม.3 แต่การศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ที่ ม.6 ดังนั้นเด็กที่ทางบ้านรายได้น้อยแต่สนใจการศึกษาต้องสอบชิงทุนเข้าม.ปลายในโรงเรียนต่างๆ หากได้ทุนก็เรียนฟรีตลอด ม.ปลาย หรือสายอาชีวะก็เช่นกัน เป็นการคัดเด็กที่ต้องการศึกษาจริงๆ และยกเลิกการสอบแข่งขันเข้า ม.1 ของเด็ก แต่อาศัยความเร็วของผู้ปกครองในการสมัครเรียนในโรงเรียนนั่นๆ และใช้แบบทดสอบทางจิตวิทยาในการแบ่งห้องเรียนให้กับเด็ก ส่วนเด็กที่ต้องการย้ายห้องให้สัมภาษณ์เด็กเป็นกรณี เมื่อขึ้น ม.3 ให้ใช้แบบทดสอบจิตวิทยาและความถนัด พร้อมให้เด็กลิสต์วิชาที่ชอบ 3 อันดับแรก ในการเลือกห้อง เด็กที่ต้องการย้ายห้องให้สอบวิชาการเพื่อไปในห้องนั้นๆ ส่วนภาคปวช. และ ปวส. ใช้แบบทดสอบจิตวิทยา ความถนัด และสัมภาษณ์แรงจูงใจที่เลือกเรียน และเรียนเฉพาะทาง ร่วมมือกับเอกชนให้เด็กทดลองทำงานจริงในสายที่เรียนมา หรือมีวิทยากรเก่งๆ ในสายงานนั้นมาสอน ให้โจทย์ และตรวจงาน เพื่อสะสมเป็นผลงานยื่นมหาวิทยาลัยหรือสมัครงาน ส่วนการเข้ามหาวิทยาลัยต้องสอบวิชาการถูกแล้ว ส่วนจิตวิทยาไม่ต้องแล้ว เพื่อให้เด็กได้ตัดสินใจเองว่าจะเดินทางชีวิตแบบไหน เพราะตอนนั้น เขาโตพอจะหาข้อมูลและให้เหตุผลกับครอบครัว
ผู้ปกครอง สื่อต้องช่วยเสนอความสำเร็จของคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆด้าน เลิกค่านิยมเด็กวิทย์คณิตเก่ง คนเก่งคือหมอ แต่ให้มองทุกอาชีพมีความเก่ง หากลูกไปให้สุด และได้รับแรงสนับสนุนจากพ่อแม่ หากมีผลงานจะได้รับทุนการศึกษาจากรัฐ
3. พัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ใช่ให้เงิน แต่สนับสนุนอาชีพ พัฒนาอาชีพในแขนงต่างๆ โดยสนใจในเรื่องลิขสิทธิ์มากขึ้น พัฒนางานวิจัยเกษตรกรรมเชิงพาณิชย์ เศรษฐกิจไทยจะได้ไม่ต้องพึ่งสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติหรือฤดูกาลเยอะ จะได้พัฒนาเร็วขึ้น ใช้ผลผลิตการเกษตรให้เป็นประโยชน์ ผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ใช้ทดแทนพลังงานน้ำมันหรือไอน้ำ สร้างแหล่งเชื้อเพลิงแนวใหม่ใช้ในประเทศและส่งออก เน้นการแปรรูป มูลค่าผลผลิตการเกษตร ใน SME ที่มีโครงการที่แปลกใหม่ สนับสนุนธุรกิจ Start up หรือ แม่ค้าออนไลน์ โดยเพิ่มงานวิจัย Blockchain Big data plate form โดยหากธุรกิจใดที่ทำเกี่ยวข้องกับสิ่งพวกนี้ จะได้ลดภาษี เพื่อเป็นการระดมผู้คิดค้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ วิเคราะห์ตลาดในประเทศได้แม่นยำขึ้น และให้ข้อมูลบางส่วนไม่รั่วไหลไปต่างชาติ เพราะอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์กำลังมีการเปลี่ยนแปลง และสามารถเชื่อมโลก สะสมข้อมูลได้มาก เป็นแหล่งในการวิเคราะห์ประเทศได้ดี ควรมีผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ เซฟเวอร์ หรือฐานข้อมูลเป็นของตัวเอง อุตสาหกรรมสื่อ ภาพยนตร์ เชื่อมโลกโซเชียลขึ้นทีวี คือหารายการสร้างสรรค์โลกโซเชียล ขยายสู่ทีวี ภาพยนตร์ มีการสนับสนุนการประกวด วงดนตรีแยกตามประเภท T-POP T-Rock ลูกทุ่ง ลูกกรุง ภาพยนตร์ แบ่งตามคอมมาดี้ โรแมนติก ชีวิต เพื่อให้วงการบันเทิงเกิดการแข่งขัน หาช่องทางทำสื่อที่แตกต่าง ในแต่ละประเภทที่ชัดเจน กระทรวงท่องเที่ยว วัฒนธรรม ร่วมมือกับสื่อในการทำละคร ภาพยนตร์กระตุ้นการท่องเที่ยว แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ส่วนวัฒนธรรมต้องเลิกเก็บบนหิ้งคือการรักษา นักแสดงบางคนรำเป็น เล่นดนตรีไทยได้ ทำให้เขาเป็นเอกลักษณ์ ไปที่ไหนได้โชว์ความสามารถ จนคนซึมซับว่า ของไทยไม่ได้ล้าหลัง แต่ที่มันล้าหลัง เพราะคนไทยอนุรักษ์ไว้บนหิ้ง แตะต้องไม่ได้ กลัวมันถูกทำลาย แต่การเก็บไว้ทำให้มันถูกลืม กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว รวมถึงเอกชน จับมือกันสร้างแฟชั่นชุดไทย ที่ไม่ใช่ใส่แค่วันพิเศษนานปีทีหน แต่ใส่กันเดือนละครั้งโดยสมัครใจ แต่ถ้าใส่จะได้ส่วนลดค่าเที่ยว ค่าโดยสาร ค่าอาหาร หรือค่าเข้าชมต่างๆ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมแฟชั่น ที่จะต้องสร้างสรรค์ผลงานเสื้อผ้าไทยสไตล์ใหม่ รองรับเทศกาล ปล่อยของ ทุกเดือน
จุดได้เปรียบที่ไทยจะสร้างความ Unique ในโลกได้คือ ความเสรีภาพที่เป็นชาตินิยม ถ้าเราไปในทางนั้นคือ เดินไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาสิ่งที่อยู่ข้างหลัง เพียงแต่ตอนนี้เราเสรีรับของชาติอื่น ไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองนอกจาก คนใจดี สบายๆ อาหารอร่อย แต่เราดึงจุดนั่นมาไม่เด่นพอเพราะที่ศึกษาคนชอบไปญี่ปุ่นหรือเกาหลี นอกจากธรรมชาติ ความที่ใกล้กว่ายุโรป กระแส Jpop Kpop ซีรีย์ ส่วนหนึ่งเพราะเขามีวัฒนธรรม มีเรื่องเล่า มีความเป็นชาตินิยม แต่คนชอบไปยุโรป เพราะศิลปะสวยงาม ผสมผสาน มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ ซึ่งประเทศไทยคล้ายกับตะวันตก แต่ควรที่จะใส่ใจในสิ่งที่เป็นไทยและแสดงให้ต่างชาติเห็นมากยิ่งขึ้น
เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติให้ยั่งยืน เพราะรายได้ไทยมาจากการท่องเที่ยว ดังนั้นจัดการเมืองให้สะอาด แก้ปัญหารถติด
4. สาธารณสุข ไม่ควรยกเลิกบัตรทองสำหรับคนมีรายได้น้อย เพื่อเขาจะได้มีสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ให้หมอ พยาบาล เภสัช รวมถึงเวชทะเบียนในโรงพยาบาลมีวันลาพักร้อนมากกว่า 7 วัน หยุดมากกว่า 13 วันต่อปี เพื่อชดเชยกับการต้องเข้าเวร หมุนกะ รักษาสุขภาพจิต ทุกคนในประเทศควรได้รับการตรวจร่างกายทุกปี ในกรณีที่มีรายได้น้อย เพราะคนพวกนี้อาจอดอยาก ขาดแคลนอาหาร ครอบครัวที่มีผู้พิการ สามารถยื่นบัตรผู้พิการที่ดูอยู่ให้กับบริษัท เพื่อขอหยุดหรือทำงานในเวลาที่ยืดหยุ่น โดยเวลาที่ผู้ดูแลผู้พิการขาดไป สามารถใช้ลดหย่อนภาษีในบริษัทได้ ผู้พิการทางด้านร่างกายต่างๆ ได้รับการส่งเสริมทางด้านอาชีพ เปิดสถาบันพวกพวกเขา นำเรื่องราวพวกเขาถ่ายทอดสู่้คน ให้เข้าใจกันมากขึ้น
ตันแหละ นึกไม่ออกแล้ว
ยังไงได้แต่หวังว่า ประเทศไทยคงไม่ประสบปัญหา คอรัปชั่นมากขึ้น ว่างงานมากขึ้น เงินเฟ้อกระจาย
รักชาติอย่าม็อปเลย เพราะม็อปแล้วก็ได้คำตอบเดิม ดังนั้นอยู่ในกลไกประชาธิปไตยจนถึงที่สุดก่อน