
ในช่วงวันหยุดเล็กๆของกลางฤดูร้อน วันหยุดปิดเทอมเข้ามาถึง เป็นการพักผ่อนหลังจากที่โหมตัวอ่านหนังสือสอบอย่างหนักหน่วง อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้ไม่อยากออกไปไหนมากนักนอกจากนอนเปิดแอร์อยู่ในบ้านแล้วขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา แต่ก็เหมือนสวรรค์จะไม่ค่อยเต็มใจนัก อีกเพียงไม่กี่วันจะต้องออกเดินทาง
จะไปไหนนะหรอ?
ก็ปีนังประเทศมาเลเซียยังไงหละ...
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนักสำหรับการมาปีนังเป็นครั้งที่สอง แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นคงจะเป็นโรงเรียนที่จะต้องเข้าไปเรียนเป็นเวลาหนึ่งเดือนมากกว่า สมองคิดฟุ้งซ่านไปหมด ทั้งกังวลและตื่นเต้นเป็นเวลาเดียวกัน แม่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนักนอกจากว่าเราจะต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่นั้น และใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นเองเป็นเวลา1เดือน...
ให้ตายสิ จะรอดไหมเนี่ย
ปีนัง, มาเลเซีย
เวลาของที่นี้เร็วกว่าเมืองไทย1ชั่วโมง ความจริงเราว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอก อากาศร้อนๆแต่ก็ไม่ทำให้แสบผิวมากนัก เราใช้เวลาไม่มากนักในการเดินทางจากสนามบินเข้าไปในจอร์จทาวน์ ได้ไปพักกับคนรู้จักคนหนึ่ง มันเป็นคอนโดสูงเกือบ20ชั้น มีบริเวณกว้างไว้สำหรับคนมาเดินเล่น ไม่ว่าจะสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสที่มีเครื่องออกกำลังกายมากมาย(ที่ไม่เคยคิดจะเข้า5555) สนามบาสเล็กๆไว้สำหรับเล่นกีฬา สนามเด็กเล่นที่ตั้งอยู่ข้างๆสระน้ำ มีทางเดินไว้สำหรับเดินออกกำลังกายรอบๆคอนโด เรียกว่าครบวงจร คอนโดที่เราอยู่อยู่ติดกับทะเล
แต่เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งคิดว่าจะได้เล่นน้ำทะเลนะ
เพราะทะเลที่นี้นะ....
ไม่มีหาด.... หัวใจแทบแตกสลายยิ่งกว่าโดนแย่งลูกชิ้นในจาน น้ำที่ไม่ค่อยน่าเล่นและไม่มีหาด อันตรายยิ่งกว่าอะไร นั้นทำให้ความหวังที่จะได้ถ่ายรูปชิวๆกับหาดทรายสีขาวถูกตัดทิ้งไปในทันที
ในวันแรกไม่มีอะไรนอกจากที่ครูแจ็คพาไปเดินเที่ยวรอบๆเมือง
ครูแจ็คคือใครนะหรอ?
เขาก็คือเจ้าของห้องของพวกเรานี้แหละ ห้องกว้างมี1ห้องนั่งเล่น 1ห้องครัว 2ห้องน้ำ และ4ห้องนอน แถมห้องยังอยู่ติดระเบียงทำให้เวลาเปิดประตูออกไปสามารถมองเห็นทะเลได้ ลมเย็นๆในตอนเย็นจะพัดเข้ามาในห้อง
แหม่ ก็เราอยู่ชั่น18เลยนะ
เราใช้การเดินเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย มีโรงอาหารอยู่ใกล้ๆ เรียกว่าอยู่ที่นี้ไม่อดตายแน่นอน เพราะว่าพอเราเดินออกจากคอนโดเราก็จะเจอตึกแถวที่เป็นร้านค้ามากมายเรียงกันเต็ม ไม่ว่าจะร้านอาหารจีนสุดหรู(ที่โครตจะแพง) ร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ในมุมมืด และร้านสะดวกซื้อที่มีขายทุกอย่าง (เซเว่นที่นี่แพงมาก เพราะงั้นเราเลยไม่นิยมเข้าเซเว่นที่นี้มากนัก) มีร้านMIX ที่ขายของจำพวกขนมในต่างประเทศ เป็นร้านที่เราชอบที่สุดแล้วหละ
หากเดินไปอีกนิดก็จะเจอห้างเล็กๆ ที่มีร้านอาหารมากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะชาบู หรือร้านกาแฟดังๆ รวมทั้งชานมไข่มุข ที่นี้วัยรุ่นนิยมกินชานมไข่มุขมาก และราคาก็แพงกว่าเมืองไทยมากๆด้วยTvT.
แล้วถามว่าซื้อมั้ย?
ซื้อ!! เพราะงี้ไงเลยบ่นไม่ได้ อยากกินเองนี้น่า
ราคาในโรงอาหารและตลาดจะถูกกว่าในร้าน เพราะงั้นหากไปก็จะแนะนำให้ไปกินแถวพวกศูนย์อาหารจะดีกว่า แถมอร่อยด้วย แต่ที่จะมีแน่ๆก็คือ ทุกศูนย์อาหารจะมีอาหารไทยขายอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันก็อร่อยอยู่ถึงจะไม่แซบเหมือนบ้านเราก็ตามที
การซื้อผักและผลไม้เป็นอะไรที่แพงมากๆ แบบสุดๆ และเวลาสั่งอาหารเขาจะไม่ค่อยจะมีผักให้เราสักเท่าไหร่ แน่นอนเพราะบ้านเขาผักผลไม้แพงกว่าเราเยอะมาก เทียบได้อย่าง มะม่วงที่เราเคยซื้อมากิน คือแค่ครึ่งลูกก็ราคา 10ริงกิตได้ (ประมาณ80บาท) ซึ่งมันแพงจริงๆ แต่ทุกร้านก็จะเป็นแบบนี้เสมอ จนครูแจ็คมาบอกว่ามันเป็นราคาปกติของที่นี้อยู่แล้ว
เรื่องมันเศร้า
ขนาดจะเป็นคนดีรักสุขภาพกินผลไม้สักหน่อย ราคาก็ดันแพง หนูสัญญา กลับไทยหนูจะกินผลไม้TvT
เรามักจะสั่งอาหารที่เป็นเส้นเสมอ ไม่รู้ว่าทำไม อาจเพราะมันดูน่าทานสุดละมั้ง สำหรับคนที่ชอบกินเส้นอะนะ ที่นี้ค่อนข้างจะเน้นเค็ม ไม่งั้นก็จืดเลย
แต่ก็มีหลายอย่างน่ากินอยู่นั้นแหละน่า
จบไปหนึ่งตอนเกี่ยวกับอาหาร เราจะไปเล่าแบ่งปันประสบการณ์กันระหว่างที่ไปเรียนอยู่ปีนังๆเดือนนะคะ ชอบไม่ชอบก็คอมเม้นท์กันได้ แล้วเจอกัน
จะไปไหนนะหรอ?
ก็ปีนังประเทศมาเลเซียยังไงหละ...
ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนักสำหรับการมาปีนังเป็นครั้งที่สอง แต่สิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นคงจะเป็นโรงเรียนที่จะต้องเข้าไปเรียนเป็นเวลาหนึ่งเดือนมากกว่า สมองคิดฟุ้งซ่านไปหมด ทั้งกังวลและตื่นเต้นเป็นเวลาเดียวกัน แม่ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนักนอกจากว่าเราจะต้องไปเรียนภาษาอังกฤษที่นั้น และใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นเองเป็นเวลา1เดือน...
ให้ตายสิ จะรอดไหมเนี่ย
ปีนัง, มาเลเซีย
เวลาของที่นี้เร็วกว่าเมืองไทย1ชั่วโมง ความจริงเราว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอก อากาศร้อนๆแต่ก็ไม่ทำให้แสบผิวมากนัก เราใช้เวลาไม่มากนักในการเดินทางจากสนามบินเข้าไปในจอร์จทาวน์ ได้ไปพักกับคนรู้จักคนหนึ่ง มันเป็นคอนโดสูงเกือบ20ชั้น มีบริเวณกว้างไว้สำหรับคนมาเดินเล่น ไม่ว่าจะสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสที่มีเครื่องออกกำลังกายมากมาย(ที่ไม่เคยคิดจะเข้า5555) สนามบาสเล็กๆไว้สำหรับเล่นกีฬา สนามเด็กเล่นที่ตั้งอยู่ข้างๆสระน้ำ มีทางเดินไว้สำหรับเดินออกกำลังกายรอบๆคอนโด เรียกว่าครบวงจร คอนโดที่เราอยู่อยู่ติดกับทะเล
แต่เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งคิดว่าจะได้เล่นน้ำทะเลนะ
เพราะทะเลที่นี้นะ....
ไม่มีหาด.... หัวใจแทบแตกสลายยิ่งกว่าโดนแย่งลูกชิ้นในจาน น้ำที่ไม่ค่อยน่าเล่นและไม่มีหาด อันตรายยิ่งกว่าอะไร นั้นทำให้ความหวังที่จะได้ถ่ายรูปชิวๆกับหาดทรายสีขาวถูกตัดทิ้งไปในทันที
ในวันแรกไม่มีอะไรนอกจากที่ครูแจ็คพาไปเดินเที่ยวรอบๆเมือง
ครูแจ็คคือใครนะหรอ?
เขาก็คือเจ้าของห้องของพวกเรานี้แหละ ห้องกว้างมี1ห้องนั่งเล่น 1ห้องครัว 2ห้องน้ำ และ4ห้องนอน แถมห้องยังอยู่ติดระเบียงทำให้เวลาเปิดประตูออกไปสามารถมองเห็นทะเลได้ ลมเย็นๆในตอนเย็นจะพัดเข้ามาในห้อง
แหม่ ก็เราอยู่ชั่น18เลยนะ
เราใช้การเดินเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย มีโรงอาหารอยู่ใกล้ๆ เรียกว่าอยู่ที่นี้ไม่อดตายแน่นอน เพราะว่าพอเราเดินออกจากคอนโดเราก็จะเจอตึกแถวที่เป็นร้านค้ามากมายเรียงกันเต็ม ไม่ว่าจะร้านอาหารจีนสุดหรู(ที่โครตจะแพง) ร้านกาแฟเล็กๆที่อยู่ในมุมมืด และร้านสะดวกซื้อที่มีขายทุกอย่าง (เซเว่นที่นี่แพงมาก เพราะงั้นเราเลยไม่นิยมเข้าเซเว่นที่นี้มากนัก) มีร้านMIX ที่ขายของจำพวกขนมในต่างประเทศ เป็นร้านที่เราชอบที่สุดแล้วหละ
หากเดินไปอีกนิดก็จะเจอห้างเล็กๆ ที่มีร้านอาหารมากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะชาบู หรือร้านกาแฟดังๆ รวมทั้งชานมไข่มุข ที่นี้วัยรุ่นนิยมกินชานมไข่มุขมาก และราคาก็แพงกว่าเมืองไทยมากๆด้วยTvT.
แล้วถามว่าซื้อมั้ย?
ซื้อ!! เพราะงี้ไงเลยบ่นไม่ได้ อยากกินเองนี้น่า
ราคาในโรงอาหารและตลาดจะถูกกว่าในร้าน เพราะงั้นหากไปก็จะแนะนำให้ไปกินแถวพวกศูนย์อาหารจะดีกว่า แถมอร่อยด้วย แต่ที่จะมีแน่ๆก็คือ ทุกศูนย์อาหารจะมีอาหารไทยขายอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันก็อร่อยอยู่ถึงจะไม่แซบเหมือนบ้านเราก็ตามที
การซื้อผักและผลไม้เป็นอะไรที่แพงมากๆ แบบสุดๆ และเวลาสั่งอาหารเขาจะไม่ค่อยจะมีผักให้เราสักเท่าไหร่ แน่นอนเพราะบ้านเขาผักผลไม้แพงกว่าเราเยอะมาก เทียบได้อย่าง มะม่วงที่เราเคยซื้อมากิน คือแค่ครึ่งลูกก็ราคา 10ริงกิตได้ (ประมาณ80บาท) ซึ่งมันแพงจริงๆ แต่ทุกร้านก็จะเป็นแบบนี้เสมอ จนครูแจ็คมาบอกว่ามันเป็นราคาปกติของที่นี้อยู่แล้ว
เรื่องมันเศร้า
ขนาดจะเป็นคนดีรักสุขภาพกินผลไม้สักหน่อย ราคาก็ดันแพง หนูสัญญา กลับไทยหนูจะกินผลไม้TvT
เรามักจะสั่งอาหารที่เป็นเส้นเสมอ ไม่รู้ว่าทำไม อาจเพราะมันดูน่าทานสุดละมั้ง สำหรับคนที่ชอบกินเส้นอะนะ ที่นี้ค่อนข้างจะเน้นเค็ม ไม่งั้นก็จืดเลย
แต่ก็มีหลายอย่างน่ากินอยู่นั้นแหละน่า
จบไปหนึ่งตอนเกี่ยวกับอาหาร เราจะไปเล่าแบ่งปันประสบการณ์กันระหว่างที่ไปเรียนอยู่ปีนังๆเดือนนะคะ ชอบไม่ชอบก็คอมเม้นท์กันได้ แล้วเจอกัน
Written in this book
Penang story