
...
...
“ มาภา ... มาภา ...
อย่าเอาแต่นอนนิ่งไม่มีสติ ไม่โต้ตอบอะไรกับพี่อย่างนี้สิ
นี่มันกี่วันกี่คืนเข้าไปแล้ว
มาภา !! ตื่นสิ ตื่นขึ้นมา
ตื่นมาบอกพี่สิ ว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ...
มาภา ชีวิตนี้พี่ก็ไม่เหลือใครแล้ว
ถ้ามาภามาจากพี่ไปแบบนี้ แล้วพี่จะอยู่ยังไง
ฮือๆๆๆ ”
ภาพแห่งความรันทดหดหู่ที่โรมรันโถมถา
ราวกับว่าจะตอกย้ำความเจ็บปวดที่เห็นคนรักของตัวเองนอนแน่นิ่งไร้ความรู้สึก
ภาพแห่งความรักความจริงใจที่คงมั่นของตัวเอง
ที่กลางวันนอนเฝ้าหน้าเตียงไม่ห่างแม้แต่เศษเสี้ยวนาที พร่ำเพ้อเรียกแต่ มาภา .. มาภา ไม่หยุด
ภาพแห่งความรักที่สัตย์ซื่อภักดีในความผูกพันที่กลางคืนต้องวิ่งเข้าโบสถ์
อธิษฐานภาวนา ขอต่อพระผู้เป็นเจ้าให้คืนลมหายใจให้แก่แฟนสาวของตัวเอง
ร้องไห้ฟูมฟายจนแทบไม่เหลือน้ำตา ...
พ้นวันผ่านคืน ล่วงเลยจนเป็นเดือน ที่แฟนสาวต้องนอนสลบไสลไม่ได้สติ
ในขณะที่ตัวเองก็อ่อนระโหยโรยล้า ดูไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
มีเพียงใจที่แข็งแกร่งฮึดสู้ในร่างที่โทรมทรุดและเหนื่อยอ่อน
ล้วนแล้วแต่เป็นภาพที่ปรากฎชัดขึ้นๆ เรื่อยๆ
จนแทบจะพังระเบิดสมองเล็กๆ ของแมลงปอ จนแตกกระจายได้ในบัดดล
ภวังค์ความคิดที่ส่งสะท้อนผ่านภาพแห่งความทรงจำในอดีตของแมลงปอหนุ่ม
“ แล้ววันหนึ่ง
วันที่ข้าเห็นใจเจ้า ซาบซึ้งในความรักของเจ้าที่มีต่อมาภา
เป็นวันที่ข้าให้โอกาสกับเจ้า ผู้ยึดมั่นในรักไม่เสื่อมคลาย !! ”
ภวังค์ความคิดที่ส่งสะท้อนผ่านภาพแห่งความทรงจำในอดีตของแมลงปอหนุ่ม
ถูกทำลายลงกลางครัน ด้วยพระสุรเสียงของพระผู้เป็นเจ้า ที่ตรัสขึ้นอย่างกังวาน
ราวกับพระองค์จะรู้ว่าลำดับความคิดและภาพแห่งความหลังของแมลงปอหนุ่ม
ผุดโผล่ระลึกขึ้นนั้น ผ่านมาถึงเหตุการณ์ใดแล้ว
“ ครั้งนั้น
ข้าถามเจ้าว่า
เจ้ายินดีที่จะใช้ชีวิตของเจ้า เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับชีวิตของมาภาไหม ?? ”
“ ใช่ครับ !!
ซึ่งผมก็ตอบพระองค์ โดยมิได้ลังเลใจว่า ยินดี ”
“ และข้าก็รับปากเจ้า
ว่าจะให้คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน
โดยเจ้าต้องยอมเป็นแมลงปอ ... 3 ปี ”
“ ถูกต้องครับ
และหลังจากที่ผมตอบกลับด้วยคำยืนกรานหนักแน่นว่า ยินดี อีกครั้ง
รุ่งขึ้น ผมก็ไม่มีโอกาสได้เห็น ได้ใช้ร่างของ รังสิมันต์ ที่เป็นคนอีกเลย ”
“ แต่เจ้าก็เป็นแมลงปอหนุ่มที่งดงามตัวหนึ่ง
มิใช่รึ ?? ”
“ ใช่ครับ !!
หลังจากที่ผมได้ลาพระองค์ในวันนั้นแล้ว
ก็บินตรงไปที่เตียง ที่มาภาเคยนอนนิ่งเป็นเจ้าหญิงนิทรา
แล้วมาภาก็ฟื้นขึ้นจริงๆ เธอฟื้นขึ้นมาจริงๆ
แต่ ...... ”
“ แต่มาภาผู้เป็นคนรักของเจ้า
กำลังคุยอะไรสักอย่างกับหมอ
ซึ่งเจ้าก็ไม่อาจได้ยิน ว่าเขาคุยอะไรกัน ”
แมลงปอหนุ่มปาดน้ำตาที่ปริ่มเบ้าพร้อมเอ่อไหลอาบแก้มน้อยทั้งสองข้างอีกครั้ง
เมื่อภาพเหตุการณ์ต่างๆ หลังจากที่มาภาฟื้นขึ้นมาแล้ว
ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ราวกับว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีกหน
มาภาค่อยๆ มีอาการที่ดีขึ้นๆ เรื่อยๆ
กระทั่งวันหนึ่ง หมอก็อนุญาตให้เธอออกจากโรงพยาบาลได้
แต่ก็ดูเหมือนเธอจะไม่มีความสุขเอาเสียเลย
เธอพยายามถามคนโน้นคนนี้ ว่ามีใครรู้จักรังสิมันต์คนรักเก่าของเธอไหม
แต่ก็ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น
ซึ่งจากคำตอบที่เธอได้ ทำให้เธอจำต้องยอมสรุปจบแบบไม่ปักใจเชื่อ
ว่าพี่รังสิมันต์ที่เธอเคยรัก หายสาบสูญไปจากวิถีชีวิตของเธอ
เพราะหมดรักเธอแล้ว
“ ความจริง ตอนนั้น ผมก็ไม่ได้หายไปไหน
ผมยังคงบินวนเวียนอยู่ข้างตัวเธอ ไม่ห่างเธอเลยสักนิด
ผมอยากตะโกนบอกเธอว่าผมอยู่นี่ ผมก็ตะโกนไม่ได้
อยากร้องอยากเรียกก็ไม่ได้ ผมอยากสวมกอด ก็ไม่ได้
สิ่งหนึ่งที่ผมทำได้และได้ทำก็คือ ยอมรับ
ผมต้องยอมรับกับสิ่งที่แฟนสาวของผม
อาจจะได้มอง ... แต่ไม่เห็น ”
“ จนกระทั่งวันหนึ่ง
วันที่สายลมอ่อนๆ พัดสะบัดใบไม้บนต้น ร่วงหล่นสู่พื้น
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมต้องจากที่ตรงนั้นไปชั่วคราว
ผมบินไปเกาะอยู่บนบ่าของเธอ
ผมอยากจะใช้ปีก ลูบสัมผัสหน้าของเธอเบาๆ
อยากใช้ปากที่เรียวเล็ก ประทับจูบบนหน้าผากและแก้มของเธอเหมือนที่เคยทำ
แต่ผมก็ทำไม่ได้
ร่างผมมันเล็กเกิน เล็กจนเธออาจจะไม่เคยได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ ”
“ แต่อะไรมันก็ไม่เท่ากับเมื่อครบอีกปี
ที่ผมบินวนกลับไปที่นั่นใหม่
ผมได้ยินข่าวลือที่ลือกันหนาหู
ว่า หลังจากที่มาภาเกิดอุบัติเหตุ
และได้เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล
ได้พบกับหมอพันแสงที่ทั้งสุภาพ อ่อนโยน และน่ารัก
สุดท้ายเขาทั้งคู่ก็ผูกพัน และชอบพอกัน จนเกิดเป็นความรัก
มันเจ็บตรงที่ใครต่อใครก็บอกว่า
มาภาดูมีความสุขมาก
มากกว่าตอนที่เธอคบกับแฟนเก่าก่อนเกิดอุบัติเหตุ ... ”
“ ข้ารู้ !! ... รู้ว่าเจ้าเสียใจ ”
พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัส คั่นความรู้สึกเจ็บปวดของรังสิมันต์
ที่เตรียมจะปะทุผ่านธารน้ำตาที่พร้อมจะทะลักไหลอีกระลอก
...
...
(( เรียวรุ้ง...บนคุ้งฟ้า ))
Writer
Bhumrajchawit
IAmWhatIAm
แค่ นัก (หัด) เขียน ... ที่อยากใช้นามปากกา ว่า "เศรษฐวาสิก" กับ " เรียวรุ้ง...บนคุ้งฟ้า "