
ท้องฟ้ามืดมิดยังคงมีดวงดาวส่องสว่างออกมาเสมอ
ในกลุ่มคนมากมายที่ผ่านไปมารอบตัวในเเต่ละวัน ในสายตาฉันมักจะมีคนๆนึงส่องสว่างออกมาเสมอ
คนที่ต่อให้ต้องแหวกว่ายท้องฟ้าดำมืด เเค่เพียงสักครั้งก็อยากจะลองไปให้ถึงดวงดาวนั้นดู
เสียงดังจ้อกเเจ้กจอเเจในตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็ไม่ได้รบกวนฉันเเต่อย่างใด เพราะสายตายังคงจดจ้องอยู่ที่คนๆนึงที่ง่วนอยู่กับการสอนการบ้านบางอย่างให้เด็กกลุ่มนึง
" เซจอง! แกได้ยินชั้นมั้ยเนี่ย ” มือที่ทิ้งน้ำหนักลงบนบ่าฉันเรียกฉันให้หลุดออกมาจากภวังค์ความคิด
“ โทษทีชั้นเหม่อไปหน่อย ” ฉันสะบัดความคิดเมื่อครู่ออกไปเเต่ก็ยังไม่ได้ละสายตาจากคนตรงหน้าไปซะทีเดียว
“ ไปซ้อมบาสต่อกัน ”
“ เฮ้ย! เดี๋ยว โดยอนแกจะลากชั้นทำไม ”
“ ก็เเกไม่ยอมเดินซักที มาเร็ว ” เพื่อนตัวสูงกำลังกึ่งลากกึ่งดึงตัวฉันเพื่อไปซ้อมต่อ
“ รู้เเล้วน่า ” ถึงจะยังไม่อยากไปจากตรงนี้นักเเต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้ ฉันยอมตามเจ้เพื้อนซี้ของฉันไปทิ้งความถวิลหาไว้ข้างหลัง
“ เเหนะ ชั้นรู้นะว่าทำไมเเกไม่อยากไป ” หึ... รู้ดีจริงๆ ฉันมองไปที่โดยอนที่ตอนนี้กำลังชี้นิ้วมาที่ฉันอย่างคาดคั้น
“ รู้อะไรของเเก ” ฉันปัดมือนั้นออกอย่างไม่สนใจนัก ถึงจะเลี่ยงการตอบคำถามไปเเต่ก็เหมือนว่าโดยอนจะรู้คำตอบอยู่เเล้ว
“ ก็เเกน่ะชอบพี่ชองฮา ใช่มั้ยล่ะ? ” เพื่อนตัวสูงกวนประสาทจู่ๆก็พูดออกมาเสียงดัง นั่นทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองที่บุคคลที่ถูกกล่าวถึง เเต่ดูเหมือนว่าความดังของเสียงคงไม่มากพอให้หล่อนได้ยิน
“ ย่าห์! คิม โดยอนทำไมต้องเสียงดังด้วยเนี่ย ” ตั้งท่าจะเอาเรื่องยัยเพื่อนตัวเเสบ หล่อนหัวเราะพร้อมวิ่งหนีเเบบไม่จริงจังนัก
“ พี่เล่นด้วยคนสิ ”
เสียงนั้นทำให้ฉันต้องชะงักเท้าลง เสียงที่เหมือนสะกดให้ทุกอย่างหยุดลงเเม้กระทั่งเวลาเเต่กลับทำให้หัวใจนั้นเต้นถี่รัวมากขึ้นกว่าปกติ
คิม ชองฮา .... รุ่นพี่ชั้นที่แก่กว่ากันไป1ปี ที่อยู่สีเดียวกัน เราพึ่งรู้จักกันได้เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อนที่มีการจัดทีกีฬา หล่อนเป็นรุ่นพี่ที่เข้ามาดูเเลนักกีฬาช่วงซ้อม เเต่เเม้เวลานั้นจะสั้นเเต่ก็ไม่รู้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ที่ฉันไม่สามารถเอาภาพหล่อนออกไปจากหัวได้เลย
“ มาเลยค่ะพี่ชองฮา เนี่ยเซจองมันไม่ยอมซ้อมซักที ” ฉันอยากจะเอามือปิดปากยันโดยอนเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ ทำไมถึงกวนประสาทกันไม่หยุด
เเต่ก่อนจะได้พูดหรือเอาเรื่องอะไรคนที่ทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้องก็หันมาพูดด้วยซะก่อน
“ อู้ซ้อมเหรอคะ เซจอง ”
หล่อนพูดกับฉัน เเววตาจ้องลึกเข้ามาเหมือนพยายามอ่านใจกัน หล่อนยิ้มเล็กๆให้ฉัน เเต่ใครจะรู้ว่ายิ้มนั่นอันตรายกับหัวใจคนขนาดไหน
“ ไม่ใช่ซักหน่อยค่ะ โดนใส่ร้ายต่างหาก ” ฉันตอบกลับไป หล่อนหัวเราะออกมา “ พี่ล้อเล่นค่ะ ”
น่ารักเกินไปเเล้วนะ...
ฉันคิดในใจ เราซ้อมกันไปซักพักจนเริ่มเหนื่อยพอก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าเวลาล่วงเลยไปถึง 6 โมงเย็นเเล้ว สีของแสงแดดตอนเย็นที่กลายเป็นสีส้มสาดเข้ามาที่เก้าอี้ที่ฉันนั่งพัก
“ น้ำค่ะเซจอง ” ฉันที่กำลังก้มหน้าเช็ดเหงื่อเงยหน้าขึ้นมา มือเรียวสวยที่ถือขวดน้ำยื่นมาให้กัน หล่อนดูเเลคนได้ดีทีเดียวถ้าพูดถึงตามหน้าที่
“ ขอบคุณค่ะ ” ฉันยื่นมือไปรับขวดน้ำนั้นมาเปิดดื่มทันที ชองฮาหล่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัน
ฉันปล่อยให้ความเงียบเข้ามาเป็นผู้คุมสถานการณ์
เเต่ภายใต้ข้างในร่างกายตอนนี้หัวใจฉันกลับเต้นรัว เเต่ไม่ใช่เพราะการซ้อมเเต่อย่างใด
เเสงอาทิตย์ยามเย็นสาดลงมายังที่นั่งข้างสนามบาส มันสาดลงกระทบตรงนี้ที่เรานั่งอยู่
ฉันหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆ หล่อนกำลังมองดูคนในสนามซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น เเสงที่สาดลงมาทำให้เธอดูสวยขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า ลมเบาๆพัดผมของหล่อนให้พริ้วสยายไปข้างหลัง สะกดสายตาของฉันให้ตรึงอยู่กับที่
นี่...พี่มีเเฟนรึยังคะ พี่ชองฮา
โอ้ย... เผลอหลุดปากถามออกไป
มันคงเป็นคำถามที่ละลาบละล้วงไปสำหรับคนที่ไม่ได้สนิทกันด้วยซ้ำ หล่อนเงียบไปเล็กน้อยก่อนหันมายิ้มปนหัวเราะให้กัน
“ อืม.. ก็คงไม่มีเเล้วล่ะ.. มั้ง? ” ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยสำหรับคำตอบนั้น
“ ก็ไม่ได้ติดต่อกันมาซักพักเเล้วล่ะ ” ความว่างปล่าวสะท้อนในดวงตาคู่นั้น ฉันจึงนึกขึ้นได้ว่าถามอะไรที่ไม่ควรออกไป
“ ขอโทษนะคะ ฉันไม่น่าถามเลย ” ความรู้สึกผิดที่ไปถามจี้จุดคนตรงหน้าถาโถมเข้ามา
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า เเล้วเซจองล่ะมีแฟนรึยัง ”
ถามมาถามกลับไม่โกงใช่มั้ยล่ะนั่น?
“ ไม่มีหรอกค่ะ เเต่ก็มีแอบชอบอยู่ ” เเล้วทำไมต้องหลุดปากอยู่เรื่อย
“ หรือจะอยู่ในกลุ่มที่เล่นบาสด้วยกัน? ” หล่อนถามทีเล่นทีจริงเเต่คำพูดนั้นกลับทำให้หัวใจฉันเต้นไม่ตรงจังหวะ ราวกับถูกจับได้
“ ก็... ใช่ค่ะ ” จากคำตอบของฉันดูเหมือนจะทำให้คิม ชองฮา สนใจอยู่ไม่น้อย
“ เอ๊ะ!? จริงเหรอ ใครอ่ะ? นักบาสชายคนไหนกันน้า ” หล่อนหัวเราะ พร้อมชี้นิ้วไปทางกลุ่นักบาสชายที่ซ้อมกันอยู่
“ คือ.. ฉันชอบผู้หญิงน่ะค่ะ ”
เป็นคำตอบที่พูดออกไปเพื่อวัดดวงกับตัวเองด้วย ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็รีบตัดใจก่อนจะถลำลึกซะจะได้ไม่เสียใจมากนัก
“ งั้น..หรือจะเป็นน้องโดยอน? ” ดูเหมือนหล่อนจะไม่ได้รู้สึกแปลก แต่ฉันกลับได้การคาดเดาที่แปลกกว่ามาเเทน
“ ไม่ใช่เเล้วค่ะ! นั่นเพื่อนกันตะหาก ”
โดยอนเนี่ยนะ? มีหวังฟ้าได้ผ่าเเหง ฉันบอกพร้อมทำไมปัดอย่างเอาเป็นเอาตาย เรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้าได้อย่างดี
“ ก็เห็นตัวติดกันนึกว่าใช่ซะอีก ” หล่อนยังคงไม่หยุดหัวเราะ
“ อยากรู้มั้ยคะว่าใคร? ”
“ อยากรู้สิ ใกล้ตัวกันเเค่นี้เองนี่ ”
“ งั้นฉันจะบอกพี่พรุ่งนี้ค่ะ ” ถึงในใจตอนนี้ยังสั่นๆอยู่ข้างใน เเต่ฉันก็ตัดสินใจเเล้วว่าไม่อยากจะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ข้างใน
“ ทำไมต้องพรุ่งนี้ด้วยล่ะ ” หล่อนยังคงตั้งคำถาม
“ เดี๋ยวจะได้ตื่นเต้นไงคะ ระหว่างนี้พี่ชองฮาก็ลองเดา ” จริงๆเป็นเเค่ความขี้ขลาดของฉันเองที่ไม่สามารถจะพูดออกไปได้ต่อหน้าหล่อนตอนนี้ เพราะเเค่นี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเเล้ว
“ งั้นถ้าพี่เดาถูกเซจองเลี้ยงไอติมพี่นะ ” เกิดการต่อรองสำหรับคนตรงหน้า
“ ตกลงค่ะ เเต่ถ้าพี่เดาผิดพี่ต้องเลี้ยงไอติมนะคะ ” หล่อนพยักหน้าเป็นอันว่าตกลง
“ เเล้วเซจองจะมาบอกพี่ตอนไหนล่ะ ซ้อมพรุ่งนี้เหรอ ”
“ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก้รู้เองค่ะ ” ฉันทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น พร้อมลุกขึ้นกระเป๋าเป้ที่ไว้ใส่ชุดซ้อมมาสะพานไว้บนหลัง
“ ถ้างั้นฉันกลับบ้านก่อนนะคะ เเล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ พี่ชองฮา ”
“ เเล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ เซจอง ”