
ในห้องอันคับแคบและมืดสลัวนั้นมีใครคนหนึ่งนอนแนบกับพื้นอย่างสงบนิ่ง สายตานั้นจดจ้องยังเฟรมที่ถูกเขียนอย่างลวกๆบนพื้นห้อง ร่างนั้นไม่ขยับ แม้ว่าพื้นห้องนั้นจะเย็นเยือกแค่ไหน กลิ่นสีน้ำมันนั้นคะคลุ้งไปทั่ว แทรกอยู่ในมวลอากาศ เส้นผม เสื้อผ้า และฝังลึกอยู่ในประสาท
ดวงตาของเธอสงบนิ่งเช่นเดียวกับร่างกาย ราวกับว่าเธอพร้อมจะปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่แห่งนี้ ทว่าสิ่งที่ดังแทรกผ่านทำลายความเงียบมานั้นคือชนวนบางอย่างในหัวของเธอ
'ถ้าสักวันเธอตายไปล่ะ' คำพูดนั้นช่างก้องกังวาล
'ความตายจะทำให้เธอตายไปจริงๆรึ? ความตายจะพรากเธอไปได้งั้นหรอ?'
'เธอจะตายจริงๆงั้นหรือ'
ท่ามกลางฝูงชนที่มุงดูภาพเขียนดอกไม้อันงดงามบนผนัง ฉันได้แต่นั่งทิ้งตัวบนม้านั่งแล้วมองภาพเดียวกันกับพวกเขาจากระยะไกล
มันเป็นดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานอย่างงดงาม ปราศจากตำหนิและการร่วงโรย และตอนนั้นฉันก็หวนนึกถึงสิ่งที่ตกตะกอนอยู่ในความทรงจำ...
เคยมีใครพูดหรือเปล่าว่าคนหรือสิ่งของในภาพถ่ายนั้นไม่มีวันตาย มันจะถูกบันทึกไว้ ณ ช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง ทั้งวันเวลา สถานที่ และภาพลักษณ์ มันช่างซื่อตรงและไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณเคยได้ยินและคิดว่ามันดูเพ้อฝัน สำหรับภาพวาดแล้วมันคงเป็นฝันที่เลือนลางและฟุ้งซ่านกว่าก็ได้
ภาพวาดไม่ได้สร้างจากเพียงสิ่งที่ตาเห็น มันสร้างขึ้นจากจิตใจ เจตนา อารมณ์ ความเข้าใจ บรรยากาศ และความรู้สึก สร้างขึ้นจากทักษะที่แตกต่างกันของผู้วาด สร้างขึ้นจากวินาทีที่ความรู้สึกหลงใหลที่มีต่อการวาดนั้นมาบรรจบกับเจตนา
มีคนรู้จักของฉันพูดเอาไว้ว่า "ลำพังมนุษย์ไม่มีทางวาดภาพให้เหมือนภาพถ่ายได้หรอก"
ดวงตาของเธอสงบนิ่งเช่นเดียวกับร่างกาย ราวกับว่าเธอพร้อมจะปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่แห่งนี้ ทว่าสิ่งที่ดังแทรกผ่านทำลายความเงียบมานั้นคือชนวนบางอย่างในหัวของเธอ
'ถ้าสักวันเธอตายไปล่ะ' คำพูดนั้นช่างก้องกังวาล
'ความตายจะทำให้เธอตายไปจริงๆรึ? ความตายจะพรากเธอไปได้งั้นหรอ?'
'เธอจะตายจริงๆงั้นหรือ'
ท่ามกลางฝูงชนที่มุงดูภาพเขียนดอกไม้อันงดงามบนผนัง ฉันได้แต่นั่งทิ้งตัวบนม้านั่งแล้วมองภาพเดียวกันกับพวกเขาจากระยะไกล
มันเป็นดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานอย่างงดงาม ปราศจากตำหนิและการร่วงโรย และตอนนั้นฉันก็หวนนึกถึงสิ่งที่ตกตะกอนอยู่ในความทรงจำ...
เคยมีใครพูดหรือเปล่าว่าคนหรือสิ่งของในภาพถ่ายนั้นไม่มีวันตาย มันจะถูกบันทึกไว้ ณ ช่วงเวลานั้นอย่างแท้จริง ทั้งวันเวลา สถานที่ และภาพลักษณ์ มันช่างซื่อตรงและไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณเคยได้ยินและคิดว่ามันดูเพ้อฝัน สำหรับภาพวาดแล้วมันคงเป็นฝันที่เลือนลางและฟุ้งซ่านกว่าก็ได้
ภาพวาดไม่ได้สร้างจากเพียงสิ่งที่ตาเห็น มันสร้างขึ้นจากจิตใจ เจตนา อารมณ์ ความเข้าใจ บรรยากาศ และความรู้สึก สร้างขึ้นจากทักษะที่แตกต่างกันของผู้วาด สร้างขึ้นจากวินาทีที่ความรู้สึกหลงใหลที่มีต่อการวาดนั้นมาบรรจบกับเจตนา
มีคนรู้จักของฉันพูดเอาไว้ว่า "ลำพังมนุษย์ไม่มีทางวาดภาพให้เหมือนภาพถ่ายได้หรอก"
ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน จะมองยังไง จะฝืนแค่ไหนก็ตาม
และใช่...มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ฉันรับรู้เรื่องนั้นมานานมากๆ และไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันคือความจริง เพราะถ้าพยายามที่จะ 'เป็น' ภาพถ่าย ภาพที่วาดขึ้นก็จะเสียตัวตนของมันไปในทันที ไร้ความหมาย และไร้ชีวิต ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องวาดมันขึ้นมาด้วยซ้ำไป
และใช่...มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ฉันรับรู้เรื่องนั้นมานานมากๆ และไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันคือความจริง เพราะถ้าพยายามที่จะ 'เป็น' ภาพถ่าย ภาพที่วาดขึ้นก็จะเสียตัวตนของมันไปในทันที ไร้ความหมาย และไร้ชีวิต ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องวาดมันขึ้นมาด้วยซ้ำไป
เราลอกเลียนคุณค่าของช่วงเวลาเหมือนกับกล้องถ่ายรูปไม่ได้
แต่เราลอกเลียนวิญญาณได้...
วิญญาณคือตัวตน คือการรับรู้ วิญญาณของมนุษย์ก็คือสิ่งที่มนุษย์ยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบัน ยังคงรับรู้และมีความรู้สึก ภาพวาดสามารถลอกเลียนวิญญาณได้ ไม่เพียงแค่ท่าทาง เนื้อหนัง แต่ความหมายในแววตา บรรยากาศ ความรู้สึก และตัวตนของคนๆนั้นหรือสิ่งนั้น ลอกเลียนได้กระทั่งวิญญาณของผู้ที่วาดมันขึ้นมา ซึ่งมีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่เข้าใจได้
เพราะความที่เราเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกนึกคิด จิตใจ มุมมอง และอารมณ์ เราถึงสามารถรับรู้ความรู้สึกและเข้าใจมันได้อย่างเฉพาะตัว หากผลงานเพียงหนึ่งชิ้นมีคนเข้าใจและตีความแตกต่างกันนั่นก็เป็นหลักฐานชั้นดีแล้วว่าความเข้าใจนั้นแตกต่างกันในแต่ละคน มีเอกลักษณ์และวิธีคิดที่จำเพาะ ดังนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ผู้วาดหลายๆคนจะมองภาพต้นแบบด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
ภาพวาดเพียงหนึ่งชิ้นนั้นไม่เพียงบอกถึงตัวตนและวิญญาณของสิ่งที่อยู่ในภาพ แต่มันได้บอกเล่าถึงเจตนา ความรู้สึก และความเข้าใจของผู้ที่ได้สร้างมันขึ้นมา ตัวตนและวิญญาณของคนๆนั้น กระทั่งที่มาหรือภูมิหลังก็เช่นกัน
ดังนั้นหากสิ่งที่อยู่ในภาพถ่ายนั้นไม่มีวันตาย สิ่งที่อยู่ในภาพวาดก็ไม่ได้ต่างกัน ดีไม่ดีเราคงต้องพูดว่า...
สิ่งที่อยู่ในภาพนั้นยังคงมีชีวิตอยู่
มีตัวตน และไม่มีวันตาย
ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ต่อให้แบบของภาพนั้นจะผุกร่อน สูญหาย หรือเปลี่ยนแปลงไป แต่ในวินาทีที่มันถูกสร้างขึ้นมันได้ลอกเลียนทุกอย่างลงไป ไม่เพียงแค่ภาพลักษณ์แต่รวมถึงนามธรรมของสิ่งเหล่านัั้นด้วย เริ่มต้นด้วยการมองเห็นและบรรจบลงด้วยความเข้าใจที่มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้
แม้มันจะฟังดูซับซ้อนและเลือนลางแต่นี่ก็คือความหมายที่แท้จริงที่มันได้หลงเหลือเอาไว้ในตัวเอง
แม้จะตายไปแต่มันจะไม่มีทางหายไป มันจะถูกจารึกไว้แบบนั้น และตีความไปหลากหลายตามแต่ผู้คนที่จ้องมองมัน แม้ไม่ต้องเล่าด้วยเสียงแต่มันจะบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตัวมันเอง
ฉันยังคงจ้องมองภาพนั้นผ่านฝูงชนอย่างเงียบงัน ไม่มีรอยยิ้มหรือแววตาใดๆสื่อออกไป ราวกับเกิดช่องว่างขึ้นระหว่างฉันและภาพบนผนังนั่น
ความรู้สึกและความเข้าใจนั้นจะเปลี่ยนไปทุกครั้งที่ฉันได้มองมัน ต่างสถานที่ ต่างช่วงเวลา มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันยังคงมีชีวิตอยู่ตรงนั้นไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เบ่งบานอย่างสง่างามและไม่มีวันพังทลาย ในฐานะการลอกเลียนของวิญญาณอันสูงค่า
และใช่...มันจะอยู่ตรงนั้นตลอดไป
Written in this book
In my life
ช่วงเวลาในชีวิตนั้นหลากหลาย...
ตลอดระยะเวลาที่ยังมีลมหายใจ ทุกคำพูด ทุกความคิด ทุกวินาที จะถูกจดจำและฝังรากลึกอยู่ในทุกอณูของชีวิต