
*** NC 20+ ***
ฟิคนี้เป็นเพียงเรื่องราวสมมุติขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียน อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด
เขาว่ากันว่า ความรักก็ไม่ต่างอะไรจากยาเสพติด
วินาทีที่คุณรู้ตัวว่ารัก นั่นคือวินาทีเดียวกับที่คุณทุรนทุรายไปกับมัน
ร่างเพรียวในชุดเดรสรัดรูปสีดำยืนสำรวจตัวเองอยู่บริเวณหน้ากระจกห้องแต่งตัว ผมดำขลับดัดลอนอ่อน ๆ ยาวสลายถึงกลางหลัง มือเรียวทำหน้าที่แต่งแต้มสีสันลงบนเปลือกตาคู่สวย ปัดมาสคาร่าลงบนแพขนตางอนให้ดูโฉบเฉี่ยว ลิปสติกสีเชอร์รี่ถูกบรรจงทาลงบนริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบวิกตอเรียซีเคร็ทเอ็กส์โอมาฉีดทั่วแอ่งชีพจรเป็นขั้นตอนสุดท้าย ค่ำคืนนี้ อัน ฮเยจินมีเป้าหมาย และนี่ก็คือการเตรียมตัวของเธอก่อนจะออกเดินทางไป ณ ที่แห่งนั้น และพบกับ...ใครคนนั้น
ตึกหรู 30 ชั้นใจกลางเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีของใครหลาย ๆ คนถึงความฉาวโฉ่ภายใต้ความใหญ่โตอลังการนี้ ที่นี่ถูกเรียกว่า สวรรค์ สำหรับชนชั้นสูงที่ยังไม่ตัดขาดจากกิเลสตัณหา ที่ที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิงทุกอย่าง ทั้งเหล้าเบียร์ เสียงเพลง การแสดงโชว์ คาสิโน หญิงบริการ รวมไปถึงของต้องห้ามอย่างยาเสพติด หากจะหาสถานที่ใดสักแห่งที่กฎหมายอันเปราะบางก้าวย่างเข้าไปไม่ถึง นอกจากนรกและสวรรค์แล้วก็คงจะเป็นตึกหรูแห่งนี้
อัน ฮเยจินรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ดีนักสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ แต่จะทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อคนที่เรียกให้เธอมาพบเค้าดันอยู่ที่นี่ แถมยังพ่วงตำแหน่งเป็นเจ้านายของเธอซะด้วย
พนักงานต้อนรับหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเปิดประตูกระจกเพื่อให้เธอก้าวเข้ามาภายใน “สวรรค์” อย่างที่หลาย ๆ คนพูดกันอย่างนั้น เธอกระชับเสื้อขนเฟอร์สีขาวให้แน่นขึ้นเพราะอากาศภายในนี้เย็นเยียบ เหล่าบรรดาหญิงสาวในชุดหลากสีซึ่งจับกลุ่มกันนั่งอยู่บริเวณบาร์เครื่องดื่มต่างพากันมองตรงมาที่เธอ มองจนเรียกได้ว่าเป็นสายตาที่ไร้มารยาท ก่อนจะหันกลับไปทำท่าทีซุบซิบนินทาอะไรบางอย่าง บางคนก็จ้องเธอด้วยความไม่เป็นมิตร ฮเยจินคิดว่าถ้าพวกหญิงสาวเหล่านั้นเป็นเสือ เธอก็คงจะโดนจับมาขย้ำเป็นชิ้น ๆ ซะตรงนั้น
เธอรู้ดีถึงสาเหตุของสายตาเกรี้ยวกราดที่เธอได้รับ ผู้หญิงพวกนั้นต่างก็หวังจะได้มายืนในตำแหน่งของเธอ ตำแหน่งที่สูงส่งกว่าที่เป็นอยู่หลายระดับนัก ท้ายที่สุดแล้วพวกหล่อนก็เป็นได้แค่หญิงบริการที่คอยปรนเปรอความสุขให้กับลูกค้าที่นี่ แต่กระนั้นแล้ว...ฮเยจินก็ไม่คิดจะไปใส่ใจหรอก
“มาหานายน้อยสินะครับ นายน้อยอยู่บนเพนท์เฮ้าส์ เดี๋ยวผมจะพาขึ้นไปเองครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทดำภูมิฐานเดินเข้ามาพูดกับเธอ ก่อนจะก้มหัวอย่างสุภาพแล้วภายมือเชื้อเชิญไปทางลิฟต์
“ขอบคุณค่ะ”
ลิฟต์แก้วแพงระยับนำพาเธอมายังชั้นบนสุดของตึก เพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวที่น้อยคนนักจะได้เข้ามาเยือนและฮเยจินเป็นหนึ่งในนั้น บอดี้การ์ดผู้นำทางเปิดประตูให้เธอเข้าไปแต่เพียงผู้เดียว รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นห้องส่งเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ห้องกว้างเงียบงันราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต มีเพียงแสงไฟสลัวสีส้มอ่อนที่เปิดอยู่เท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าในห้องนี้มีคนที่รอคอยการมาถึงของเธอ
ตึกหรู 30 ชั้นใจกลางเมืองหลวงเป็นที่รู้กันดีของใครหลาย ๆ คนถึงความฉาวโฉ่ภายใต้ความใหญ่โตอลังการนี้ ที่นี่ถูกเรียกว่า สวรรค์ สำหรับชนชั้นสูงที่ยังไม่ตัดขาดจากกิเลสตัณหา ที่ที่เป็นแหล่งรวมความบันเทิงทุกอย่าง ทั้งเหล้าเบียร์ เสียงเพลง การแสดงโชว์ คาสิโน หญิงบริการ รวมไปถึงของต้องห้ามอย่างยาเสพติด หากจะหาสถานที่ใดสักแห่งที่กฎหมายอันเปราะบางก้าวย่างเข้าไปไม่ถึง นอกจากนรกและสวรรค์แล้วก็คงจะเป็นตึกหรูแห่งนี้
อัน ฮเยจินรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ดีนักสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ แต่จะทำไงได้ล่ะ ก็ในเมื่อคนที่เรียกให้เธอมาพบเค้าดันอยู่ที่นี่ แถมยังพ่วงตำแหน่งเป็นเจ้านายของเธอซะด้วย
พนักงานต้อนรับหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเปิดประตูกระจกเพื่อให้เธอก้าวเข้ามาภายใน “สวรรค์” อย่างที่หลาย ๆ คนพูดกันอย่างนั้น เธอกระชับเสื้อขนเฟอร์สีขาวให้แน่นขึ้นเพราะอากาศภายในนี้เย็นเยียบ เหล่าบรรดาหญิงสาวในชุดหลากสีซึ่งจับกลุ่มกันนั่งอยู่บริเวณบาร์เครื่องดื่มต่างพากันมองตรงมาที่เธอ มองจนเรียกได้ว่าเป็นสายตาที่ไร้มารยาท ก่อนจะหันกลับไปทำท่าทีซุบซิบนินทาอะไรบางอย่าง บางคนก็จ้องเธอด้วยความไม่เป็นมิตร ฮเยจินคิดว่าถ้าพวกหญิงสาวเหล่านั้นเป็นเสือ เธอก็คงจะโดนจับมาขย้ำเป็นชิ้น ๆ ซะตรงนั้น
เธอรู้ดีถึงสาเหตุของสายตาเกรี้ยวกราดที่เธอได้รับ ผู้หญิงพวกนั้นต่างก็หวังจะได้มายืนในตำแหน่งของเธอ ตำแหน่งที่สูงส่งกว่าที่เป็นอยู่หลายระดับนัก ท้ายที่สุดแล้วพวกหล่อนก็เป็นได้แค่หญิงบริการที่คอยปรนเปรอความสุขให้กับลูกค้าที่นี่ แต่กระนั้นแล้ว...ฮเยจินก็ไม่คิดจะไปใส่ใจหรอก
“มาหานายน้อยสินะครับ นายน้อยอยู่บนเพนท์เฮ้าส์ เดี๋ยวผมจะพาขึ้นไปเองครับ”
บอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทดำภูมิฐานเดินเข้ามาพูดกับเธอ ก่อนจะก้มหัวอย่างสุภาพแล้วภายมือเชื้อเชิญไปทางลิฟต์
“ขอบคุณค่ะ”
ลิฟต์แก้วแพงระยับนำพาเธอมายังชั้นบนสุดของตึก เพนท์เฮ้าส์ส่วนตัวที่น้อยคนนักจะได้เข้ามาเยือนและฮเยจินเป็นหนึ่งในนั้น บอดี้การ์ดผู้นำทางเปิดประตูให้เธอเข้าไปแต่เพียงผู้เดียว รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นห้องส่งเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ ห้องกว้างเงียบงันราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต มีเพียงแสงไฟสลัวสีส้มอ่อนที่เปิดอยู่เท่านั้นที่ทำให้รู้ว่าในห้องนี้มีคนที่รอคอยการมาถึงของเธอ
แสงจากแชงเดอร์เรียคริสตัลกลางห้องสะท้อนกระทบกับแก้วไวน์แดงระยิบระยับในมือเรียวขาวซีด หล่อนนั่งไขว่ห้างอย่างผ่อนคลายบนโซฟาตัวใหญ่ ลักษณะบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเจ้าของห้อง เชิ๊ตสีขาวที่หล่อนใส่ถูกปลดกระดุมลงมาสองเม็ดเพื่อลดความอึดอัด จรดแก้วไวน์กับปากบางก่อนจะส่งของเหลวสีสวยนั้นไหลเข้าไป ฮเยจินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่หล่อนละความสนใจจากแก้วไวน์ในมือ
“มาช้าจัง ฉันรอเธอตั้งนาน”
คนที่นั่งอยู่เอ่ยทักเธอ พร้อมกับรินไวน์แดงใส่แก้วไวน์ที่ว่างอยู่อีกแก้ว
“รถติดนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ฮเยจินรับแก้วไวน์ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ แล้วยกขึ้นดื่มทันที เจ้าของห้องอาศัยจังหวะที่เธอวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ รวบร่างเธอให้ลงมานั่งบนตัก เสื้อคลุมเฟอร์สีขาวของเธอถูกถอดออกแทบจะในทันที
“รีบร้อนจังเลยนะคะ คุณจอง ฮวีอิน”
“ก็คิดถึงเธอนี่นา”
หล่อนโอบรัดเอวคอดราวกลับกลัวว่าฮเยจินจะหนีหาย จมูกรั้นแนบลงบนแก้มเธอ ก่อนจะไล่จูบลงมาที่ซอกคอ สูดกลิ่นของวิกตอเรียซีเคร็ทบนร่างเธออย่างหลงใหล ฮเยจินรู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบน้ำหอมกลิ่นนี้
“คิดถึงหรือเหงากันแน่คะ”
“ทั้งสองอย่าง”
“ทำไมไม่เรียกสาว ๆ ข้างล่างขึ้นมาแก้ขัดก่อนล่ะค่ะ ถ้าเหงาน่ะ”
“เธอก็รู้ ฉันไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนขึ้นมาที่นี่นอกจากเธอ และที่สำคัญ...ไม่มีใครทำให้ฉันพอใจได้เท่าเธอ”
ฮเยจินก้มลงจุมพิตปากเรียวนั้น
“ปากหวาน”
จริงอย่างที่หล่อนพูด นอกจากฮเยจินแล้วก็ไม่มีใครได้ย่างกรายเข้ามาในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้ 29 ชั้นด้านล่างที่ใครต่อใครก็นิยามมันว่าสวรรค์นั้นแทบจะเทียบไม่ติด มีเพียงชั้นบนสุด ห้องนี้ห้องเดียวเท่านั้นที่ฮเยจินยกให้เป็นสวรรค์สำหรับเธอ นี่คือที่ที่ทำให้เธอรู้สึกถึงการเป็นคนสำคัญ เธอคือคนที่ได้รับสิทธิพิเศษ ผู้หญิงอันเลอค่าเพียงคนเดียวของท่านประธาน จอง ฮวีอิน
สวรรค์ 30 ชั้นแห่งนี้ จอง ฮวีอินเปรียบเสมือนพระเจ้า ใช่...ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของหล่อน คาสิโน เหล้านำเข้าผิดกฎหมาย หญิงค้าบริการ และแม้กระทั่งยาเสพติดก็เป็นของหล่อนทั้งหมด ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าตระกูลจอง มีชื่อเสียงอยู่ในวงการธุรกิจสีเทามาเนิ่นนาน ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ มาจนถึงรุ่นลูกอย่างจอง ฮวีอิน
ฮเยจินเข้ามาทำงานกับฮวีอินในฐานะเลขา จากการฝากเข้าทำงานของพ่อซึ่งเป็นผู้ทำธุรกิจฝ่ายพันธมิตร แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหล่อนมันเกินเลยไปกว่านั้น รู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกจองจำอยู่ภายใต้ผู้หญิงที่ชื่อ จอง ฮวีอิน จนยากเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว
“ไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ”
หล่อนเอ่ยถาม พลางลูบไล้แขนเนียนของเธอ จ้องมองเข้าไปในดวงตาหล่อน ดวงตาสีน้ำตาลคู่เล็กนั้นสวยงามแฝงไปด้วยความนุ่มลึก มันเป็นดวงตาที่พร้อมจะดึงดูดคนที่จ้องมองให้หลงใหลอย่างหัวปักหัวปำ
“แล้วใครใช้ให้คุณหายไปตั้งหลายวันล่ะคะ”
“งานฉันเยอะเธอก็รู้ และนี่ฉันต้องการคำตอบ ไม่ใช่การยอกย้อน”
ฮวีอินก้มลงกัดที่หัวไหล่เธอเบา ๆ เป็นการลงโทษสำหรับคำพูดที่ไม่น่าฟังนั้น ไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้คนในอ้อมกอดสะดุ้งจนต้องเบี่ยงตัวหลบ
“อื้อ...ถ้าไม่คิดถึง ฉันก็คงไม่มา พอใจรึยังคะบอส”
คำตอบที่น่าพอใจถูกเอ่ยออกไป มือของฮเยจินลูบไล้ไปบนแก้มเนียนใสของคนที่เธอเรียกว่าบอส แก้มหล่อนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มไปเมื่อครู่ หากจะให้เธอนิยามคนตรงหน้าด้วยคำเพียงคำเดียว คำว่ารัก คือคำที่เธอจะหยิบมาใช้ในการนิยามนั้น
“ฉันเพิ่งได้ของใหม่มาจากฝั่ง UK อยากจะลองหน่อยมั๊ย”
ห่อกระดาษเล็ก ๆ สีน้ำตาลถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงของหล่อน ฮวีอินยื่นมันมาใส่มือของเธอ
“ให้ฉันลองอีกแล้วเหรอคะ คราวที่แล้วก็เกือบแย่”
“อันนี้ไม่ทรมานเท่าครั้งก่อน แค่นิดเดียว เธอจะรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยล่ะ”
ฮวีอินเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ว่าหล่อนจะพูดอะไรเธอก็เชื่อเสมอ ทุกสิ่งอย่างที่ล้วนออกมาจากปากฮวีอิน เธอก็พร้อมจะคำตาม ต่อให้หล่อนชักชวนเธอให้ลงนรก เธอก็ยินยอมพร้อมใจที่จะไป ฮเยจินเป็นทุกอย่างให้ฮวีอินแล้ว ทั้งเลขาที่ดี หนูทดลองยาที่ดี และคู่นอนที่ดี
ฮเยจินแกะกระดาษสีน้ำตาลออกช้า ๆ ก่อนจะสูดผงสีขาวนั้นเข้าไปเต็มปอด ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมัน
“อีกไม่เกินห้านาที ยาจะออกฤทธิ์ แล้วเราก็จะสนุกกันทั้งคืน”
ฮวีอินกระซิบกับเธอ ป้อนจูบหวานก่อนฝังจมูกซุกไซร้ที่ซอกคอระหงส์ ไล่สัมผัสแผ่วเบาเบาเพื่อเร้าอารมณ์ ซิปชุดเดรสด้านหลังค่อย ๆ ถูกอีกคนรูดลงจนสุด มือขาวตรงเข้าสัมผัสหลังเปลือยเนียน อุณหภูมิร้อนเริ่มปะทุขึ้นภายในตัวเธอ หัวใจเต้นระส่ำเหมือนพายุกำลังโหมพัด พร้อมกับสายตาที่เริ่มพร่ามัวลงไปทุกที สิ่งแปลกปลอมที่เธอนำเข้าไปมันเริ่มเล่นงานเธอแล้ว
ห้า
สี่
สาม
สอง
หนึ่ง
เกมสตาร์ท…
สวรรค์ 30 ชั้นแห่งนี้ จอง ฮวีอินเปรียบเสมือนพระเจ้า ใช่...ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของหล่อน คาสิโน เหล้านำเข้าผิดกฎหมาย หญิงค้าบริการ และแม้กระทั่งยาเสพติดก็เป็นของหล่อนทั้งหมด ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าตระกูลจอง มีชื่อเสียงอยู่ในวงการธุรกิจสีเทามาเนิ่นนาน ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ มาจนถึงรุ่นลูกอย่างจอง ฮวีอิน
ฮเยจินเข้ามาทำงานกับฮวีอินในฐานะเลขา จากการฝากเข้าทำงานของพ่อซึ่งเป็นผู้ทำธุรกิจฝ่ายพันธมิตร แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหล่อนมันเกินเลยไปกว่านั้น รู้ตัวอีกทีเธอก็ถูกจองจำอยู่ภายใต้ผู้หญิงที่ชื่อ จอง ฮวีอิน จนยากเกินกว่าจะถอนตัวแล้ว
“ไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ”
หล่อนเอ่ยถาม พลางลูบไล้แขนเนียนของเธอ จ้องมองเข้าไปในดวงตาหล่อน ดวงตาสีน้ำตาลคู่เล็กนั้นสวยงามแฝงไปด้วยความนุ่มลึก มันเป็นดวงตาที่พร้อมจะดึงดูดคนที่จ้องมองให้หลงใหลอย่างหัวปักหัวปำ
“แล้วใครใช้ให้คุณหายไปตั้งหลายวันล่ะคะ”
“งานฉันเยอะเธอก็รู้ และนี่ฉันต้องการคำตอบ ไม่ใช่การยอกย้อน”
ฮวีอินก้มลงกัดที่หัวไหล่เธอเบา ๆ เป็นการลงโทษสำหรับคำพูดที่ไม่น่าฟังนั้น ไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้คนในอ้อมกอดสะดุ้งจนต้องเบี่ยงตัวหลบ
“อื้อ...ถ้าไม่คิดถึง ฉันก็คงไม่มา พอใจรึยังคะบอส”
คำตอบที่น่าพอใจถูกเอ่ยออกไป มือของฮเยจินลูบไล้ไปบนแก้มเนียนใสของคนที่เธอเรียกว่าบอส แก้มหล่อนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มไปเมื่อครู่ หากจะให้เธอนิยามคนตรงหน้าด้วยคำเพียงคำเดียว คำว่ารัก คือคำที่เธอจะหยิบมาใช้ในการนิยามนั้น
“ฉันเพิ่งได้ของใหม่มาจากฝั่ง UK อยากจะลองหน่อยมั๊ย”
ห่อกระดาษเล็ก ๆ สีน้ำตาลถูกหยิบออกมาจากกระเป๋ากางเกงของหล่อน ฮวีอินยื่นมันมาใส่มือของเธอ
“ให้ฉันลองอีกแล้วเหรอคะ คราวที่แล้วก็เกือบแย่”
“อันนี้ไม่ทรมานเท่าครั้งก่อน แค่นิดเดียว เธอจะรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งเลยล่ะ”
ฮวีอินเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ว่าหล่อนจะพูดอะไรเธอก็เชื่อเสมอ ทุกสิ่งอย่างที่ล้วนออกมาจากปากฮวีอิน เธอก็พร้อมจะคำตาม ต่อให้หล่อนชักชวนเธอให้ลงนรก เธอก็ยินยอมพร้อมใจที่จะไป ฮเยจินเป็นทุกอย่างให้ฮวีอินแล้ว ทั้งเลขาที่ดี หนูทดลองยาที่ดี และคู่นอนที่ดี
ฮเยจินแกะกระดาษสีน้ำตาลออกช้า ๆ ก่อนจะสูดผงสีขาวนั้นเข้าไปเต็มปอด ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้มันทำหน้าที่ของมัน
“อีกไม่เกินห้านาที ยาจะออกฤทธิ์ แล้วเราก็จะสนุกกันทั้งคืน”
ฮวีอินกระซิบกับเธอ ป้อนจูบหวานก่อนฝังจมูกซุกไซร้ที่ซอกคอระหงส์ ไล่สัมผัสแผ่วเบาเบาเพื่อเร้าอารมณ์ ซิปชุดเดรสด้านหลังค่อย ๆ ถูกอีกคนรูดลงจนสุด มือขาวตรงเข้าสัมผัสหลังเปลือยเนียน อุณหภูมิร้อนเริ่มปะทุขึ้นภายในตัวเธอ หัวใจเต้นระส่ำเหมือนพายุกำลังโหมพัด พร้อมกับสายตาที่เริ่มพร่ามัวลงไปทุกที สิ่งแปลกปลอมที่เธอนำเข้าไปมันเริ่มเล่นงานเธอแล้ว
ห้า
สี่
สาม
สอง
หนึ่ง
เกมสตาร์ท…
ผ้าปูที่เตียงสีเลือดนกยับยู่ยี่จากการโถมเข้าใส่กันของสองร่าง เดรสสีดำของฮเยจินถูกถอดออกไปแล้วโดยเจ้านายสุดที่รักของเธอ แอร์เย็นฉ่ำภายในห้องไม่ได้มีผลอะไร ร่างกายเธอร้อนรุ่มไปหมดจนเม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ผุดซึมขึ้นมาตรงหน้าผาก ฮเยจินสูญเสียการควบคุมไปแล้วโดยสิ้นเชิง
“เล่นซ่อนหากันเถอะ ที่รัก”
เสียงหวานแผ่วเบาจากหล่อนดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอจะถูกปิดกั้นการมองเห็น ผ้าปิดตาสีดำที่ฮวีอินฉวยหยิบมาจากหัวเตียงแนบลงบนใบหน้าเธอพร้อมมัดเป็นปมแน่นอยู่ด้านหลัง การกระทำของหล่อนทำให้เธอตื่นเต้น เธอมองไม่เห็น ได้แต่จินตนาการว่าฮวีอินจะเริ่มสัมผัสเธอจากส่วนไหน และจะทำอะไรกับเธอหลังจากนี้
ฮเยจินรู้สึกถึงน้ำหนักของอีกคนที่กดทับลงมาบนตัวเธอ ริมฝีปากเปียกชื้นพรมจูบลงบนหัวไหล่เนียน ก่อนที่มือซนจะเลื่อนมาบีบเค้นอกอิ่ม กดนวดสัมผัสราวกับมันเป็นของเล่นชิ้นโปรดจนปลายยอดนั้นเริ่มแข็งชัน
“อ่า...”
ปลายยอดสีหวานนั้นถูกผลัดเปลี่ยนสัมผัสจากมือเป็นลิ้นอุ่นของบอสจอง หล่อนโลมเลียจนเธอปล่อยเสียงครางต่ำในลำคอ ฮเยจินแอ่นกายเข้าหาเพื่อปรนเปรอให้หล่อนมากขึ้น เล็บยาวสอดเข้าไปขยุ้มเรือนผมสีบลอนด์ทองแทนการบ่งบอกว่าเธอพอใจ
มือเรียวลากสัมผัสตั้งแต่สีข้าง ไล่ลงมาที่ปีกสะโพก สอดเข้าไปในกางเกงชั้นในเพื่อจะพบว่ามันเริ่มเปียกชื้น แน่นอนว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของผงสีขาวนั้น
“ยาดีจริง ๆ ไม่งั้นคงไม่รู้สึกเร็วขนาดนี้”
สิ่งปกปิดร่างกายชิ้นสุดท้ายถูกถอดออกไปกองไว้ที่ปลายเตียง ฮเยจินเปลือยเปล่าโดยสมบูรณ์ แยกขาออกเพื่อเผยส่วนกลางกายให้บอสของเธอได้ชื่นชม และวินาทีนั้นเธอเริ่มรู้สึกว่าฮวีอินเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง
“เราจะสนุกกันทั้งคืน ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ฉันมีของขวัญจะให้เธอด้วย”
เสียงดังกรุ๋งกริ๋งคล้ายลูกเหล็กกระทบกันดังขึ้น ดวงตาที่ถูกปิดอยู่ทำให้เธอไม่เห็นว่าหล่อนหยิบมันมาจากไหน แต่ในตอนนี้มันดังอยู่ใกล้ ๆ โสตประสาทของเธอ ฮเยจินรู้สึกถึงสัมผัสเย็นเยียบที่ข้างแก้ม และค่อย ๆ เลื่อนลงมาที่ริมฝีปาก ฮวีอินไล่วนอยู่ตรงนั้นจนเธอต้องอ้าปากอมเจ้าลูกกระพรวนเหล็กนั้นเข้าไป
ฮเยจินรู้แล้วว่าจากนี้ประตูแห่งความหฤหรรษ์กำลังเปิดประตูต้อนรับเธอ
“อ๊า...บอสคะ...มัน...เจ็บ”
“อย่าเกร็งสิ ปล่อยตามสบาย”
ฮวีอินลูบต้นขาด้านในของเธอไปมา ก่อนจะก้มลงจูบดอกไม้ของเธอเพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้น อาศัยจังหวะที่น้ำเหลวใสเริ่มไหลออกมา สอดลูกกระพรวนเข้าแทรกในกายเธอทันที มันคับแน่นจนฮเยจินต้องกัดริมฝีปากเพื่อระบายความรู้สึก
“ปล่อยไว้แบบนี้ก่อนนะ”
นี่คือความแปลกใหม่ คือสัมผัสที่ฮเยจินไม่เคยได้รับ ฮวีอินสร้างความประหลาดใจในเรื่องเซ็กส์ให้กับเธอได้เสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกเหล็กเย็นเฉียบนั้นจุกแน่นอยู่ภายในตัวเธอ มันเป็นความเจ็บปวด ทรมาน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความสุข
ผ้าปิดตาถูกแกะออก พร้อมกับบอสจองที่เลื่อนตัวเองขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของเธอ มือหล่อนเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน ความเคลิบเคลิ้มทำให้เธอต้องปรือตามอง ภาพตรงหน้าเลือนรางจนไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝัน แต่แล้วจูบที่ฮวีอินมอบให้กับเธอก็เป็นสิ่งย้ำเตือนว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง
รสไวน์อ่อน ๆ ที่ยังหลงเหลือในปากเปลี่ยนจูบหวานให้กลายเป็นจูบเร่าร้อนภายในไม่กี่นาที ลิ้นอุ่นรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปากของเธออย่างเอาแต่ใจ แต่เธอก็ยินยอมให้หล่อนช่วงชิมความหวานนั้น ฮวีอินบดจูบหนักหน่วงจนลิปสติกสีเชอร์รี่ของเธอเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งปากและแก้มของหล่อน
“เลอะหมดเลย”
ฮเยจินปาดนิ้วโป้งเช็ดคราบสีแดงนั้น ทันทีที่บอสจองถอนจูบ แต่มือของเธอก็ถูกหล่อนจับไว้ให้อยู่นิ่ง และอารมณ์ก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฮวีอินเริ่มโลมเลียที่ปลายนิ้วของเธอ หล่อนค่อย ๆ ดูดงับไปตามนิ้วทั้งห้าก่อนจะมาจูบเน้นที่กลางฝ่ามือเป็นการหยอกเอิน ฮวีอินนั้นมีทักษะการเล้าโลมที่น่ามหัศจรรย์ มันน่าหลงใหลและเร่าร้อนราวกับจะแผดเผาเธอให้หลอมละลายไปกับเตียงสีเลือดนกนี่
“หันหลังสิ”
บอสจองเอ่ยกับเธออย่างนั้น และแน่นอนว่าเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย ฮเยจินพลิกตัวคว่ำลงกับเตียงเผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนสีน้ำผึ้งและสะโพกกลมกลึง ฮวีอินออกแรงยกสะโพกเธอให้ลอยเด่นขึ้น บีบคลึงชื่นชมความนูนสวยนั้นก่อนจะสอดมือเข้าในบริเวณต้นขารู้สึกถึงความเปียกชื้นแผ่ขยายเป็นบริเวณกว้าง ช่องแคบตอดรัดลูกกระพรวนที่ยังค้างอยู่ภายใน หล่อนใช้นิ้วเกี่ยวเชือกที่ร้อยต่อกับเจ้าลูกโลหะนั้นแล้วค่อย ๆ ดึงมันออก และปล่อยมันลงพื้น เสียงกระพรวนกลิ้งดังกลุกกลักอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงียบไป
“บอสคะ...มัน...ละ...ลึกมากเลย”
การรุกล้ำจากด้านหลังของฮวีอินมันทำให้ฮเยจินรู้สึกเช่นนั้น นิ้วเรียวสองนิ้วถูกสอดเข้ามาภายในดอกไม้ฉ่ำน้ำหวานของเธอตามด้วยการขยับเข้าออกเป็นจังหวะ กระแทกกระทั้นความเสียวซ่านใส่ร่างกายเธอไม่หยุดยั้ง เล็บยาวจิกลงบนหมอนจนมันขาดวิ่น พลางแนบใบหน้าลงกับพื้นเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยหอบพร้อมครางเสียงหวาน
ร่องสีชมพูนั้นตอดรัดเหมือนว่าฮเยจินกำลังจะเอื้อมมือแตะสวรรค์อยู่รำไร แต่เธอรู้ดีว่าฮวีอินนั้นใจเย็นแค่ไหน และคนใจเย็นอย่างหล่อนคงจะยื้อเกมไม่ยอมให้เธอเสร็จกิจในครั้งนี้ง่าย ๆ
หล่อนปล่อยสะโพกเธอเป็นอิสระ พาตัวเองขึ้นมาเป็นฝ่ายนอนหงายลงบนเตียง ตบมือเบา ๆ ลงบนต้นขาเป็นสัญญาณให้เธอขึ้นไปนั่งคร่อมบนตัวหล่อน
“แบบนี้...คุณจะเมื่อยมือเอานะคะบอส”
“มาเถอะ ฉันอยากเห็นเธอขยับอยู่บนตัวฉัน”
และแล้วฮเยจินก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอของผู้เป็นนายได้ เธอก้าวขึ้นไปบนตัวบอสจอง ฉีกขากว้างเพื่อให้หล่อนสอดนิ้วเข้ามาได้สะดวกก่อนจะเริ่มขยับสะโพกขึ้นลง ฤทธิ์ยาที่ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมปลุกสัญชาติญาณดิบในตัวเธอให้ปะทุขึ้นดั่งลาวากลางภูเขาไฟ ฮเยจินขยับสะโพกเร็วขึ้นและบางครั้งฮวีอินก็แกล้งเธอด้วยการสวนนิ้วเข้าไปจนเธอต้องปล่อยเสียงครางดังระงมไปทั่วห้อง ฮเยจินกระแทกสะโพกลงมาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกระตุกเกร็ง คลื่นความสุขไหลทะลัก ถะถั่งเอ่อล้นในกายเธอ ปล่อยสะโพกบดเบียดกับมือเรียวนั้นอีกสองสามทีก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ผู้เป็นนาย มันช่างเป็นค่ำคืนที่แสนสุข ความสุขที่ทำให้เธอเสพติดไม่ต่างจากยาประหลาดนั่น ความสุขนี้ที่ไม่มีใครมอบให้เธอได้นอกจาก จอง ฮวีอิน ให้ตายสิ! ฮเยจินได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าจะอยู่ได้อย่างไรโดยที่ไม่มีหล่อน
“จะมีวันที่คุณเบื่อฉันมั๊ยคะ ?”
เธอเอ่ยถามหล่อนขณะอยู่ในอ้อมกอดอุ่นใต้ผ้าห่มหนา
“ทำไม กลัวเหรอ”
“อืม...คุณพาฉันมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว”
“ฉันไม่ใช่คนที่เบื่ออะไรง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอก วางใจเถอะ”
ไม่พูดเปล่า แต่หล่อนยังตอกย้ำด้วยการจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของเธอ
“รักฉันมั๊ยคะ บอส”
ไม่บ่อยนักที่ฮเยจินจะถามคำนี้ออกไป และก็ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะเอ่ยคำนั้น คำว่ารักดูเหมือนเป็นคำต้องห้ามของคนทั้งคู่
“รัก”
บอสจองเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ฮเยจินได้ยินมันชัดเจน เธอซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวก่อนจะกระชับกอดให้แน่นขึ้น
“ต้องการแค่นี้แหละค่ะ”
END.
เธอเอ่ยถามหล่อนขณะอยู่ในอ้อมกอดอุ่นใต้ผ้าห่มหนา
“ทำไม กลัวเหรอ”
“อืม...คุณพาฉันมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับได้แล้ว”
“ฉันไม่ใช่คนที่เบื่ออะไรง่าย ๆ ขนาดนั้นหรอก วางใจเถอะ”
ไม่พูดเปล่า แต่หล่อนยังตอกย้ำด้วยการจูบลงบนหน้าผากชื้นเหงื่อของเธอ
“รักฉันมั๊ยคะ บอส”
ไม่บ่อยนักที่ฮเยจินจะถามคำนี้ออกไป และก็ไม่บ่อยนักที่อีกฝ่ายจะเอ่ยคำนั้น คำว่ารักดูเหมือนเป็นคำต้องห้ามของคนทั้งคู่
“รัก”
บอสจองเอ่ยเสียงแผ่ว แต่ฮเยจินได้ยินมันชัดเจน เธอซุกใบหน้าลงกับซอกคอขาวก่อนจะกระชับกอดให้แน่นขึ้น
“ต้องการแค่นี้แหละค่ะ”
END.
From Writer :
ฟิคเนื่องในวันเกิดมักเน่ กับพาร์ทอีโรติกที่แรงและลามกที่สุดเท่าที่เคยแต่งค่ะ ทำไมจิตใจคนเรามันเป็นแบบนี้นะ กลัวตัวเองมาก ฮือออออออออ T_T
ปล. ไรท์เตอร์ไม่สนับสนุนเรื่องยาเสพติดนะคะ แต่ที่ใส่เข้ามาในฟิคเพราะอยากให้มันดูมีมิติมากขึ้น แหะแหะ
อ่านแล้วคอมเม้นท์ได้เหมือนเดิมค่ะ หรือจะด่าว่าลามก หื่มกามอะไรก็ได้ ยอมทั้งนั้น 555
เพราะรักจึงแต่งนะงิ