
เพราะการเติบโตคือความเจ็บปวด มนุษย์ไม่เคยหยุดเติบโต เราต่างเติบโตขึ้นและแก่ตัวลงในทุกๆวัน เลยดูเหมือนว่าความเจ็บปวดจะอยู่กับเราแบบนั้น แผ่ขยายและกลืนกินเราไปจนวันสุดท้ายของชีวิต
คุณเคยทำอะไรพลาดไปไหมในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ?
พลาดในที่นี้คือ พลาดแล้วพลาดเลย แก้ไขอะไรอีกไม่ได้แล้ว และที่สำคัญที่สุด เรื่องเหล่านั้น
ทุกวันนี้ยังคงเป็นความลับ
ใช่, ความลับ สิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นคนตัวเล็กนิดเดียว มันมีอำนาจเสมอเวลามันกลับมาทวงถามว่าเราทำอะไรไว้ในวันนั้น พร้อมลากเราลงไปรื้อฟื้นทุกจุด ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
แต่โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละถูกไหม เราใช้ชีวิตและให้เวลาพัดพาเรื่องเหล่านั้นไปเรื่อยๆ เหมือนกระดาษเปื่อยๆที่เริ่มละลายในแม่น้ำ เมื่อมันขาดและจางหายไปหมด ถึงวันนั้นอะไรๆคงดีขึ้น แต่ไม่นานเราเองก็จะพบว่า มันยังอยู่
และมันไม่มีวันหาย
13 Reasons Why Season 2
ทำให้เราเห็นความเป็นคนชัดเจนขึ้นกว่าซีซั่นแรก ซีซั่นนี้ไม่สนุก เพราะความเจ็บปวดของคนเรามันไม่ใช่เรื่องสนุก หากอยากดูอะไรสนุกตอนจบหัวใจพลิบานอาจต้องย้ายไปดูเรื่องอื่น เพราะทุกคนในเรื่องนี้ต่างพบเจอกับชะตากรรมที่น่าสงสารกันทั้งหมด
ในซีซั่นแรกเรื่องเล่าจะถูกเล่าจากฮันนาผ่านเทปเป็นหลัก
แต่ครั้งนี้ทุกคนมีเรื่องเล่าเป็นของตนเอง
ความลื่นไหลของเรื่องจึงอยู่ตรงนี้ เราจะได้เห็นเรื่องที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อน และแน่นอนครั้งนี้ต้องมีการตามหาความยุติธรรมจากการข่มขื่นในกลุ่มวัยรุ่น แต่จะไปถึงจุดสรุปตรงนั้นได้ ทุกความลับที่เก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวจะต้องถูกตีแผ่แบขยายออกมาเสียก่อน
ระหว่างที่ดูเราอาจจะสับสนไปพร้อมๆกับเคลย์ ว่าอะไรคือความจริง ความจริงจริงๆ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวต่อคนรักที่ดับสลายไปแล้วของเค้าคืออะไร
คนเราสามารถเป็นคนรัก และเป็นคนลับต่อกันได้หรือไม่
คนเข้มแข็งคือคนที่ไม่ออกมาดราม่าเล่าเรื่องใช่หรือป่าว
ความคิดเศร้าๆบางเรื่องสำหรับเรา กลายเป็นเรื่องคิดมากสำหรับคนอื่นถูกไหม
หรือคนไม่มีตัวตนสำหรับใครเลย ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองมีตัวตนขึ้นมาได้ถึงจะมีชีวิตอยู่รอด
ดูไปแล้วก็คิดได้ว่า ถ้าหากเราอยากรู้จักคนเพียงมุมใดมุมหนึ่งเราอาจรู้จักได้จากคนรอบข้าง แต่หากเราอยากรู้จักคนได้หลากหลายมุมแล้วละก็ ซีรี่ย์เรื่องนี้ก็น่าจะกำลังทำหน้าที่นั้น
เพราะทุกคนดูเป็นคนที่เป็นคนจริงๆ ไม่ได้สมบรูณ์แบบ มีตำหนิและโหยหาสิ่งที่มนุษย์ต้องการมี แต่นั่นไม่ได้แปลว่าความเจ็บปวดของพวกเค้าจะไม่มีตัวตน หรือไม่สมควรนำมาพิจารณา
เห็นได้ชัดว่าตัวละครทุกคนในเรื่องจะต้องผ่านเรื่องราวบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ และความจริงคือสิ่งที่เจ็บปวด ซึ่งเราทุกคนล้วนต้องผ่านช่วงเวลาเหล่านี้กันมาทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ผ่านมาได้
ฮันนาผ่านมันมาไม่ได้
เธออาจไม่เคยรู้ก่อนจากไปเลยว่า เราไม่จำเป็นต้องทำให้คนทั้งโลกมารักเรา เราเพียงแค่ตามหาความสัมพันธ์ดีๆอย่างน้อยใครสักคนในชีวิตก็พอ แต่ก็นั่นอีกแหละ เธอก็ไม่ได้ผิดที่จากไป เพราะอย่างน้อยความสัมพันธ์นั้นเธอก็ได้พบแล้ว
และก็ไม่ใช่ว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จะผ่านพ้นมันมาได้ทั้งหมด เพราะชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ชีวิตที่ความเชื่อกับความจริงถูกลดทอนลงได้ทุกเมื่อ และพร้อมจะค่อยๆ เลือนลางลงเพียงยื่นมือออกไปสัมผัส จนทำให้เราเห็นชัดเจนว่า
ความจริงเป็นสิ่งเจ็บปวด
เราเติบโตขึ้นไปพร้อมกับมัน
เหมือนขากางเกงเปียกน้ำที่คอยท่วงเเรงก้าวเดิน
และบางเรื่องก็ดูเหมือนผ่านไปแล้ว แต่ความจริง มันไม่เคยผ่านไปเลย
มันยังคงวนว่ายและเพรียกหาเราอยู่อย่างนั้นในวันวาน เรามีสิทธิ์เลือกที่จะลืมและไม่กลับไปได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่ทันตั้งตัว มันจะเหวี่ยงกระแทกกลับมา ถึงเวลานั้น
ต่อให้เรามีน้ำตามากเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
คุณเคยทำอะไรพลาดไปไหมในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ?
พลาดในที่นี้คือ พลาดแล้วพลาดเลย แก้ไขอะไรอีกไม่ได้แล้ว และที่สำคัญที่สุด เรื่องเหล่านั้น
ทุกวันนี้ยังคงเป็นความลับ
ใช่, ความลับ สิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นคนตัวเล็กนิดเดียว มันมีอำนาจเสมอเวลามันกลับมาทวงถามว่าเราทำอะไรไว้ในวันนั้น พร้อมลากเราลงไปรื้อฟื้นทุกจุด ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
แต่โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละถูกไหม เราใช้ชีวิตและให้เวลาพัดพาเรื่องเหล่านั้นไปเรื่อยๆ เหมือนกระดาษเปื่อยๆที่เริ่มละลายในแม่น้ำ เมื่อมันขาดและจางหายไปหมด ถึงวันนั้นอะไรๆคงดีขึ้น แต่ไม่นานเราเองก็จะพบว่า มันยังอยู่
และมันไม่มีวันหาย
13 Reasons Why Season 2
ทำให้เราเห็นความเป็นคนชัดเจนขึ้นกว่าซีซั่นแรก ซีซั่นนี้ไม่สนุก เพราะความเจ็บปวดของคนเรามันไม่ใช่เรื่องสนุก หากอยากดูอะไรสนุกตอนจบหัวใจพลิบานอาจต้องย้ายไปดูเรื่องอื่น เพราะทุกคนในเรื่องนี้ต่างพบเจอกับชะตากรรมที่น่าสงสารกันทั้งหมด
ในซีซั่นแรกเรื่องเล่าจะถูกเล่าจากฮันนาผ่านเทปเป็นหลัก
แต่ครั้งนี้ทุกคนมีเรื่องเล่าเป็นของตนเอง
ความลื่นไหลของเรื่องจึงอยู่ตรงนี้ เราจะได้เห็นเรื่องที่ไม่เคยถูกเล่ามาก่อน และแน่นอนครั้งนี้ต้องมีการตามหาความยุติธรรมจากการข่มขื่นในกลุ่มวัยรุ่น แต่จะไปถึงจุดสรุปตรงนั้นได้ ทุกความลับที่เก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัวจะต้องถูกตีแผ่แบขยายออกมาเสียก่อน
ระหว่างที่ดูเราอาจจะสับสนไปพร้อมๆกับเคลย์ ว่าอะไรคือความจริง ความจริงจริงๆ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวต่อคนรักที่ดับสลายไปแล้วของเค้าคืออะไร
คนเราสามารถเป็นคนรัก และเป็นคนลับต่อกันได้หรือไม่
คนเข้มแข็งคือคนที่ไม่ออกมาดราม่าเล่าเรื่องใช่หรือป่าว
ความคิดเศร้าๆบางเรื่องสำหรับเรา กลายเป็นเรื่องคิดมากสำหรับคนอื่นถูกไหม
หรือคนไม่มีตัวตนสำหรับใครเลย ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองมีตัวตนขึ้นมาได้ถึงจะมีชีวิตอยู่รอด
ดูไปแล้วก็คิดได้ว่า ถ้าหากเราอยากรู้จักคนเพียงมุมใดมุมหนึ่งเราอาจรู้จักได้จากคนรอบข้าง แต่หากเราอยากรู้จักคนได้หลากหลายมุมแล้วละก็ ซีรี่ย์เรื่องนี้ก็น่าจะกำลังทำหน้าที่นั้น
เพราะทุกคนดูเป็นคนที่เป็นคนจริงๆ ไม่ได้สมบรูณ์แบบ มีตำหนิและโหยหาสิ่งที่มนุษย์ต้องการมี แต่นั่นไม่ได้แปลว่าความเจ็บปวดของพวกเค้าจะไม่มีตัวตน หรือไม่สมควรนำมาพิจารณา
เห็นได้ชัดว่าตัวละครทุกคนในเรื่องจะต้องผ่านเรื่องราวบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ และความจริงคือสิ่งที่เจ็บปวด ซึ่งเราทุกคนล้วนต้องผ่านช่วงเวลาเหล่านี้กันมาทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ผ่านมาได้
ฮันนาผ่านมันมาไม่ได้
เธออาจไม่เคยรู้ก่อนจากไปเลยว่า เราไม่จำเป็นต้องทำให้คนทั้งโลกมารักเรา เราเพียงแค่ตามหาความสัมพันธ์ดีๆอย่างน้อยใครสักคนในชีวิตก็พอ แต่ก็นั่นอีกแหละ เธอก็ไม่ได้ผิดที่จากไป เพราะอย่างน้อยความสัมพันธ์นั้นเธอก็ได้พบแล้ว
และก็ไม่ใช่ว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่ จะผ่านพ้นมันมาได้ทั้งหมด เพราะชีวิตมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ชีวิตที่ความเชื่อกับความจริงถูกลดทอนลงได้ทุกเมื่อ และพร้อมจะค่อยๆ เลือนลางลงเพียงยื่นมือออกไปสัมผัส จนทำให้เราเห็นชัดเจนว่า
ความจริงเป็นสิ่งเจ็บปวด
เราเติบโตขึ้นไปพร้อมกับมัน
เหมือนขากางเกงเปียกน้ำที่คอยท่วงเเรงก้าวเดิน
และบางเรื่องก็ดูเหมือนผ่านไปแล้ว แต่ความจริง มันไม่เคยผ่านไปเลย
มันยังคงวนว่ายและเพรียกหาเราอยู่อย่างนั้นในวันวาน เรามีสิทธิ์เลือกที่จะลืมและไม่กลับไปได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่ทันตั้งตัว มันจะเหวี่ยงกระแทกกลับมา ถึงเวลานั้น
ต่อให้เรามีน้ำตามากเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ