
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงบางอย่างกระทบกับประตูไม้มันทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากการพักผ่อนอันแสนยาวนาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แต่เธอกลับไม่แม้แต่พยายามจะลุกขึ้นไปเปิดประตู...กลับอยากให้เสียงนั้นเงียบไปเสียมากกว่า
...
เสียงเคาะประตูหยุดลงแล้ว เธอหลับตาลงพลางถอนหายใจอย่างยากลำบาก
"ฉันเฝ้ารอเสียงนั้นมาโดยตลอด แต่ทำไมถึงอึดอัดแบบนี้"
เธอบ่นกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาหรือเพราะว่าเธอชินกับการอยู่คนเดียวไปเสียแล้วล่ะมั้ง
เมื่อก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้เลย...เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่ต้องการความเอาใจใส่และอยากได้รับความรัก
เธอโหยหามาตลอดเกือบทั้งชีวิต เธออยากให้ใครสักคนมาเปิดประตูห้องของเธอแต่ก็ไม่มี...มันทำให้เธอเศร้าจับขั้วหัวใจ
แต่ในวันนี้ วันที่เธอชินชา วันที่เธอตัดสินใจล็อคประตูบานนั้นและเก็บตัวเงียบ
เธอได้รู้...ว่าการอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้แย่อะไร
เธอมีความสุขกับหนังสือเล่มโปรด
เธอมีความสุขที่ได้กลิ้งไปมาบนเตียง
เธอมีความสุขกับการแต่งนิยาย
...เธอมีความสุขกับการอยู่ในห้องคนเดียว
แค่นั่น มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กที่ไม่ได้้เรื่องอย่างเธอ
บางทีเธอก็คิด...ทำไมเธอไม่เหมือนคนอื่นๆที่ต้องการคนเคียงข้าง เปล่าเลย เธอต้องการมากๆแต่กลัวความเจ็บปวด
เธอคิดอยู่เสมอว่าความสุขที่สุุดของเธอคือการได้หายไปจากโลกนี้ แต่เธอก็มีความสุขที่ได้หายใจในทุกๆวันเช่นกัน
มันอาจเป็นความสุขเดียวของเธอในโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ในห้องห้องนี้
...
เสียงน่ารำคาญดังมาจากนอกห้องของเธอเป็นรอบที่ร้อยในปี เธอเอาผ้าห่มคลุมโป่ง ฝั่งตัวเองให้จมกับที่นอน ผ้าปูที่นอนเปียกชื้นเพราะน้ำตาของเธอ
เธอขดตัวเป็นเปลือกหอยในเตียงนอนสีฟ้ามืดหม่น แต่เปลือกของเธอมันช่างเปราะบาง
' ไม่เป็นไร '
รอยร้าวแตกแขนงทุกครั้งที่เธอพร่ำบอกกับตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่เกิดประโยชน์แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่นในคำพูดที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
ไม่มีเหตุผล...
' กระจกที่แตกไปแล้วถึงแม้จะเอาพลาสเตอร์มาแปะ รอยร้าวก็ยังคงอยู่ '
เจ็บปวดเหลือเกิน แต่ในจินตนาการเธอยังคงโลดแล่นอยู่ในละครสัตว์ สวมหน้ากากตัวตลกสีขาวที่แต่งแต้มด้วยสีสัน รอยยิ้มจากหน้ากากทำให้ผู้คนสนใจเธอ
โดยไม่เห็นหยดน้ำสีข้นภายใต้หน้ากาก
เสียงรบกวนเงียบไปแล้ว เธอคลายตัวแบบเดิม ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ แต่ใจของเธอตอนนี้เละยิ่งกว่าอะไรดี
...แต่อย่างน้อย ห้องของเธอก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เสียงบางอย่างกระทบกับประตูไม้มันทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากการพักผ่อนอันแสนยาวนาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แต่เธอกลับไม่แม้แต่พยายามจะลุกขึ้นไปเปิดประตู...กลับอยากให้เสียงนั้นเงียบไปเสียมากกว่า
...
เสียงเคาะประตูหยุดลงแล้ว เธอหลับตาลงพลางถอนหายใจอย่างยากลำบาก
"ฉันเฝ้ารอเสียงนั้นมาโดยตลอด แต่ทำไมถึงอึดอัดแบบนี้"
เธอบ่นกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาหรือเพราะว่าเธอชินกับการอยู่คนเดียวไปเสียแล้วล่ะมั้ง
เมื่อก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้เลย...เธอเป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่ต้องการความเอาใจใส่และอยากได้รับความรัก
เธอโหยหามาตลอดเกือบทั้งชีวิต เธออยากให้ใครสักคนมาเปิดประตูห้องของเธอแต่ก็ไม่มี...มันทำให้เธอเศร้าจับขั้วหัวใจ
แต่ในวันนี้ วันที่เธอชินชา วันที่เธอตัดสินใจล็อคประตูบานนั้นและเก็บตัวเงียบ
เธอได้รู้...ว่าการอยู่คนเดียวมันก็ไม่ได้แย่อะไร
เธอมีความสุขกับหนังสือเล่มโปรด
เธอมีความสุขที่ได้กลิ้งไปมาบนเตียง
เธอมีความสุขกับการแต่งนิยาย
...เธอมีความสุขกับการอยู่ในห้องคนเดียว
แค่นั่น มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กที่ไม่ได้้เรื่องอย่างเธอ
บางทีเธอก็คิด...ทำไมเธอไม่เหมือนคนอื่นๆที่ต้องการคนเคียงข้าง เปล่าเลย เธอต้องการมากๆแต่กลัวความเจ็บปวด
เธอคิดอยู่เสมอว่าความสุขที่สุุดของเธอคือการได้หายไปจากโลกนี้ แต่เธอก็มีความสุขที่ได้หายใจในทุกๆวันเช่นกัน
มันอาจเป็นความสุขเดียวของเธอในโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ในห้องห้องนี้
...
เสียงน่ารำคาญดังมาจากนอกห้องของเธอเป็นรอบที่ร้อยในปี เธอเอาผ้าห่มคลุมโป่ง ฝั่งตัวเองให้จมกับที่นอน ผ้าปูที่นอนเปียกชื้นเพราะน้ำตาของเธอ
เธอขดตัวเป็นเปลือกหอยในเตียงนอนสีฟ้ามืดหม่น แต่เปลือกของเธอมันช่างเปราะบาง
' ไม่เป็นไร '
รอยร้าวแตกแขนงทุกครั้งที่เธอพร่ำบอกกับตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่เกิดประโยชน์แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่นในคำพูดที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
ไม่มีเหตุผล...
' กระจกที่แตกไปแล้วถึงแม้จะเอาพลาสเตอร์มาแปะ รอยร้าวก็ยังคงอยู่ '
เจ็บปวดเหลือเกิน แต่ในจินตนาการเธอยังคงโลดแล่นอยู่ในละครสัตว์ สวมหน้ากากตัวตลกสีขาวที่แต่งแต้มด้วยสีสัน รอยยิ้มจากหน้ากากทำให้ผู้คนสนใจเธอ
โดยไม่เห็นหยดน้ำสีข้นภายใต้หน้ากาก
เสียงรบกวนเงียบไปแล้ว เธอคลายตัวแบบเดิม ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ แต่ใจของเธอตอนนี้เละยิ่งกว่าอะไรดี
...แต่อย่างน้อย ห้องของเธอก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
Written in this book
Story from WHITEBEAR
ถ้าหากหมีขาวหยุดเล่นกับเจ้าก้อนสีขาวที่แฝงด้วยความหนาวเย็นและลองแต่งเติมตัวอักษรให้กับมันแทน :)