
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้กลับบ้าน
อาการโฮมซิกที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองก็เกิดขึ้น ตอนที่ต้องเข้ามาเรียนอยู่ในกรุงเทพฯ
เมื่อก่อนก็คิดนะว่าโฮมซิก เกิดได้เฉพาะกับคนที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือ ไปเรียนแลกเปลื่ยน
จนกระทั่ง รับรู้ได้ว่าตัวเองเปลื่ยนแปลงไป
หลายๆครั้งรู้สึกเหนื่อย ซึม แล้วก็โหวงๆในใจ ทั้งๆที่มองภายนอกก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
คอยนับวันจากตอนแรกเป็นเดือน เป็นวัน และเป็นนาที เพื่อรอว่าจะได้กลับบ้านแล้ว ทำไมเวลาถึงเดินช้าจังนะ
เคยเห็นภาพซ้อนทับแล้วอยู่ดีๆก็น้ำตาไหล
วันนึงเดินเข้าเซเว่น แล้วก็เห็นเด็กตัวเล็กๆวิ่งแซงเราเข้าไป
เด็กคนนั้นตะโกนบอกแม่ว่า แม่หนูกินไอติมได้มั้ย แม่ก็หันมายิ้มแล้วก็บอกว่าหยิบเลยลูกเดี๋ยวแม่จ่ายเงินให้
แค่มองแล้วก็รู้สึกน้ำตาซึมๆ เหมือนเห็นภาพตรงนั้นเป็นเราเมื่อก่อนกับแม่
เข้าไปกินข้าวในร้านข้าวต้มสั่งกับข้าวแล้วก็รอ ก็เห็นมีคนมานั่งกินข้าวเป็นครอบครัวนั่งคุยกันหัวเราะกันดูเฮฮาดีจังเลย ชวนให้คิดถึงเรื่องก่อนที่จะเข้ามาอยู่คนเดียว เราต้องหยุดความรู้สึกแบบนี้ เราเลยรีบกินแล้วก็รีบออกมา
ตอนเย็นจะกลับถามเพื่อนว่าไปไหนต่อ
เพื่อนบอกว่ากลับบ้าน แม่เรารอเราอยู่
มีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯนี่ดีจังนะ กลับไปก็ได้กินกับข้าวที่ยังอุ่นๆอยู่บนโต๊ะ มีคนคอยรอว่าเมื่อไหร่เราจะกลับ จะปลอดภัยดีมั้ย มีคนคอยพาไปหาหมอตอนไม่สบาย
ฉันแอบคิดในใจ
ถ้าทำได้ยกบ้าน พร้อมพ่อกะแม่มาไว้ในกรุงเทพฯได้ก็คงดี ไม่ก็แค่ได้คุยกันทุกวันก็ได้ แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่อาจจะฟังดูเห็นแก่ตัวของเราเท่านั้นเอง
หลายๆอย่างที่เห็นมันคล้ายๆกับภาพซ้อนทับ มันเป็นคำพูดไม่กี่ประโยคที่ตอนเด็กๆ เคยพูดหรือทำแบบนั้นแล้วเรารู้สึกอบอุ่น
รู้สึกเหนื่อยจนน้ำตาไหลออกมา
เราเป็นเด็กติดห้องและติดบ้านมากเพราะว่าเราจะรู้สึกปลอดภัย จะไม่มีใครมาทำร้ายเรา
เรามีอดีตที่โดนแกล้งบ่อยๆเลยทำให้ไม่ไว้ใจใครเลย มีมนุษย์สัมพันธ์ที่แย่ เพราะกลัวการเข้าหาคนอื่นแล้วจะได้ผลตอบลัพธ์แย่ๆกลับมา
อดีตตอนนั้นทำให้เรายังคงกลัวที่ที่มีคนเยอะๆเหมือนเมื่อก่อน กลัวการเข้าไปหาเพื่อนใหม่ กลัวว่าเขาจะหาว่าเราหน้านิ่งแล้วดูหาเรื่อง กลัวว่าเขาจะรำคาญการมีตัวตนของเรา
นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง อยู่ดีๆน้ำตาก็ไหลออกมา ไม่รู้ว่าทำไมแต่รู้ว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ
เลยตัดสินใจพิมพ์ข้อความไปหาแม่
แม่หนูอยากกลับบ้านแล้ว หนูเหนื่อย
คำพูดนั้นอาจฟังดูเห็นแก่ตัวเเละเรียกร้องความสนในไปสักหน่อย
แต่แม่ก็ตอบกลับมาว่า
"ไม่เป็นไรนะ พยายามอีกหน่อยเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง"
กลับเอาคำพูดแม่มาคิด ว่าทำไมแม่ถึงพูดแบบนั้น มันก็จริงของแม่
ที่เรามาอยู่ตรงจุดๆนี้
เรามาตามความฝันของเรา จนกว่าฝันนี้จะสำเร็จจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถ้ากลับไปตอนนี้ ความฝันที่วิ่งตามมาตลอดก็ไม่มีวันสำเร็จแน่ๆ
ขอบคุณนะคะ ที่คอยเตือนสติเด็กขี้แพ้คนนี้ให้ยังลุกขึ้นมาตามฝันของตัวเองถ้าอยากกลับบ้านแล้วยังกลับไม่ได้ ได้แค่ได้้้้้้้้ยินเสียงหรือข้อความจากคนที่บ้านก็ยังดีให้รู้ว่่าอย่างน้อยเขาก็ยังสบายดี
จนกว่าฝันจะสำเร็จ จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ