
ฉันนั่งสองมือกุมหัวในห้องมืดแคบๆชวนอึดอัด
เสียงก่อนฝนคะนองท้องฟ้าคำรามลั่นหลายครั้งจนห้องแคบๆสั่นสะเทือน เมฆดำทะมึนถูกลมพัดพาให้แผ่ปกคลุมอยู่เหนือตึกสูงที่ฉันอยู่
บรรยากาศขมุกขมัวอึมครึม มืดครึ้มอย่างบอกไม่ถูก
ในความมืด ฉันเงยหน้ามองประตูห้อง ด้านนอกเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงของลมปะทะหน้าต่างด้านนอก หวือๆ กับแสงฟ้าแลบ แปรบๆ เป็นพักๆเหมือนไฟกระพริบ
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก…
เสียงฝีเท้าที่เดาได้ว่าใส่ส้นสูงก้าวขาฉับๆอย่างมั่นใจค่อยๆดังเข้ามาใกล้ฉันถี่ๆและเร็วขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่ามีคนกำลังเข้ามา
ฉันถอนหายใจทำหน้าเหยเก กลับไปใช้สองมือกุมขมับสองข้างตามเดิม
ตึก ตึก ตึก ตึก…
เสียงฝีเท้าสุดท้ายดังอยู่หลังประตูตรงหน้า ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงปิดประตูอย่างรวดเร็ว
แอ๊ดด ด ปึก!
ฉันเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงหญิงปริศนานั่งลงทำอะไรสักอย่าง ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน
ไม่นานนัก หญิงนั้นก็สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
“โอ้ยยย สายชำระพัง!” เธอถอนใจอารมณ์เสีย
เงียบไปพักหนึ่ง มีเสียงชักโครกดังโครกคราก แล้วเธอก็เปิดประตูเดินฉับๆออกไป เหลือไว้เป็นความเงียบกับท้องฟ้าครึ้มฝนตามเดิม
ฉันหันไปมองสายชำระของตัวเอง ยิ้มกว้าง หยิบมาใช้อย่างเพลิดเพลินแม้ว่ากระแสน้ำจะพุ่งแรงไปหน่อย
หลังจากเสร็จธุระแล้ว ฉันก็เปิดประตูออกมาสู่โลกภายนอก ท้องฟ้าสว่างขึ้นเล็กน้อย
ฉันเปรยตามองเข้าไปในห้องที่หญิงเมื่อครู่ประสบปัญหาและความหายนะ พบว่ามีก้านที่กดสายชำระตกอยู่...
หึ… ฉันขำในลำคอพร้อมกับล้างมือ ก่อนที่จะออกจากห้องแคบๆชวนอึดอัดนี้อย่างสง่าผ่าเผยไป...
เสียงก่อนฝนคะนองท้องฟ้าคำรามลั่นหลายครั้งจนห้องแคบๆสั่นสะเทือน เมฆดำทะมึนถูกลมพัดพาให้แผ่ปกคลุมอยู่เหนือตึกสูงที่ฉันอยู่
บรรยากาศขมุกขมัวอึมครึม มืดครึ้มอย่างบอกไม่ถูก
ในความมืด ฉันเงยหน้ามองประตูห้อง ด้านนอกเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงของลมปะทะหน้าต่างด้านนอก หวือๆ กับแสงฟ้าแลบ แปรบๆ เป็นพักๆเหมือนไฟกระพริบ
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก…
เสียงฝีเท้าที่เดาได้ว่าใส่ส้นสูงก้าวขาฉับๆอย่างมั่นใจค่อยๆดังเข้ามาใกล้ฉันถี่ๆและเร็วขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณว่ามีคนกำลังเข้ามา
ฉันถอนหายใจทำหน้าเหยเก กลับไปใช้สองมือกุมขมับสองข้างตามเดิม
ตึก ตึก ตึก ตึก…
เสียงฝีเท้าสุดท้ายดังอยู่หลังประตูตรงหน้า ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงปิดประตูอย่างรวดเร็ว
แอ๊ดด ด ปึก!
ฉันเงี่ยหูฟัง ได้ยินเสียงหญิงปริศนานั่งลงทำอะไรสักอย่าง ได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกัน
ไม่นานนัก หญิงนั้นก็สบถเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
“โอ้ยยย สายชำระพัง!” เธอถอนใจอารมณ์เสีย
เงียบไปพักหนึ่ง มีเสียงชักโครกดังโครกคราก แล้วเธอก็เปิดประตูเดินฉับๆออกไป เหลือไว้เป็นความเงียบกับท้องฟ้าครึ้มฝนตามเดิม
ฉันหันไปมองสายชำระของตัวเอง ยิ้มกว้าง หยิบมาใช้อย่างเพลิดเพลินแม้ว่ากระแสน้ำจะพุ่งแรงไปหน่อย
หลังจากเสร็จธุระแล้ว ฉันก็เปิดประตูออกมาสู่โลกภายนอก ท้องฟ้าสว่างขึ้นเล็กน้อย
ฉันเปรยตามองเข้าไปในห้องที่หญิงเมื่อครู่ประสบปัญหาและความหายนะ พบว่ามีก้านที่กดสายชำระตกอยู่...
หึ… ฉันขำในลำคอพร้อมกับล้างมือ ก่อนที่จะออกจากห้องแคบๆชวนอึดอัดนี้อย่างสง่าผ่าเผยไป...