
การทำให้เด็กๆกินอาหารง่ายนั้น แทบจะเป็นความฝันของคุณแม่หลายๆคน
เพราะในชีวิตจริงนั้น เรามักจะเห็นสารพัดกลวิธีที่พยายามหลอกล่อให้เด็กน้อยนั่งนิ่งๆกินอาหาร ทั้งวิธีธรรมดาไปจนถึงใช้อุปกรณ์ช่วยต่างๆ เช่น ใช้มือถือ เปิดทีวี (ซึ่งคุณหมอส่วนใหญ่จะไม่แนะนำ) แต่เราก็ยังพบว่าเด็กๆส่วนใหญ่ยังคงกินยากอยู่เหมือนเดิม
บ้านของเราก็พบปัญหานี้เช่นกัน
ภาพเด็กน้อยกับคุณแม่กำลังต่อสู้กันกลางโต๊ะอาหารเป็นเรื่องประจำจนเริ่มคุ้นชินไปเสียแล้ว..
จนกระทั่งวันหยุดที่ผ่านมา ผมตกลงกับภรรยาว่า
จนกระทั่งวันหยุดที่ผ่านมา ผมตกลงกับภรรยาว่า
จะช่วยแบ่งภาระด้านการป้อนอาหารเด็กน้อยให้
เผื่อจะช่วยให้อะไรๆง่ายขึ้นได้บ้าง (ซึ่งเป็นเรื่องถนัดของผม)
ก็เลยลองเอาทริคที่เคยอ่านจากหนังสือ
"French Parents Don't Give In"
ของ Pamela Druckerman
มาลองกับลูกตัวเองดูหลายๆวิธี
เผื่อจะช่วยให้อะไรๆง่ายขึ้นได้บ้าง (ซึ่งเป็นเรื่องถนัดของผม)
ก็เลยลองเอาทริคที่เคยอ่านจากหนังสือ
"French Parents Don't Give In"
ของ Pamela Druckerman
มาลองกับลูกตัวเองดูหลายๆวิธี
ปรากฏว่าได้ผลดีขึ้นในหลายๆด้าน
เลยจะมาสรุปข้อที่ลองแล้วเวิร์คไว้เผื่อให้คนอื่นได้ลองใช้กัน
ก่อนจะลงเทคนิค
เล่าที่มาที่ไปของหนังสือนิดนึง
จริงๆเรื่องมันเริ่มต้นที่หนังสือเล่มแรกที่ชื่อ
"French Children Don't Throw Food"
เลยจะมาสรุปข้อที่ลองแล้วเวิร์คไว้เผื่อให้คนอื่นได้ลองใช้กัน
ก่อนจะลงเทคนิค
เล่าที่มาที่ไปของหนังสือนิดนึง
จริงๆเรื่องมันเริ่มต้นที่หนังสือเล่มแรกที่ชื่อ
"French Children Don't Throw Food"
เขียนขึ้นโดย Pamela Druckerman นักเขียนสาวชาวอเมริกัน
ที่แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ปารีส(ฝรั่งเศส)กับแฟน
แล้วก็ได้เจอความเจ๋งของการเลี้ยงเด็กในวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ที่ทำให้ชีวิตแม่ๆดีขึ้น
ตั้งแต่การฝึกลูกนอนหลับยาว การกิน และการศึกษาที่แตกต่างจากวัฒนธรรมอเมริกัน เธอก็เลยเขียนหนังสือออกมาขายแล้วก็เลยขายดีไปทั่วโลก
ซึ่งเล่มแรกถ้าอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าน้ำเยอะ
ถ้าเน้นใช้งานได้เร็วผมแนะนำให้อ่านเล่ม
"French Parents Don't Give In"
จะกระชับและเข้าเนื้อหาเร็วกว่า
กลับมาที่สาระหลักเฉพาะเรื่องการทำให้เด็กสนุกกับการกินก่อน
(ในหนังสือมีหลายประเด็น เช่น การนอน การเรียน แต่วันนี้เราจะคุยแค่เรื่องการกิน)
ผมลองปรับเอาทริคในหนังสือมาใช้เป็น 4 ข้อหลักๆ
1. ไม่มีอาหารสำหรับเด็ก
สำหรับเด็กเล็กๆ เราอาจจะต้องเตรียมอาหารที่ผ่านการ บด/ปั่น/สับ/แช่แข็ง/อุ่น/ต้ม/เคี่ยว
แต่สำหรับเด็กที่เริ่มโตมาหน่อยจนมีฟันขึ้นดีแล้ว เขาจะได้กินอาหารเหมือนกันกับที่ผู้ใหญ่ในบ้านกิน นั่นจะนำมาซึ่งความหลากหลายของอาหารที่มากขึ้น (ซึ่งก็ควรเป็นไปตามวัย)
โดยวัฒนธรรมของคนฝรั่งเศส ผู้ใหญ่จะเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองรสอาหารใหม่ๆในทุกมื้อ เพื่อที่เขาจะได้รู้จักการกินอาหารอย่างหลากหลายเมื่อโตขึ้น
2. บรรยากาศของการกิน
สิ่งที่วัฒนธรรมฝรั่งเศสน่าสนใจ คือการสอนให้เด็กๆช่วยเตรียมอาหาร (พวกสลัด) ทำให้เด็กๆมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศการกินอาหาร ไม่มีการเปิดทีวี และเมื่อกินอาหารใหม่ๆกัน ผู้ใหญ่จะชวนคุยในเรื่องของรสชาติของอาหารที่เพิ่งลองว่า รสชาติเปรี้ยวหรือหวานกว่าอาหารที่เด็กคุ้นเคย ทำให้เด็กเริ่มคิดเปรียบเทียบ และจดจำรสชาติต่างๆได้ดีกว่า การพยายามป้อนอาหารใส่ปากเด็ก(แบบยัดเยียด) และทำให้เด็กรู้สึกดีในระหว่างการกินอาหารแต่ละมื้อ
3. ให้อำนาจในการตัดสินใจ
ผู้ใหญ่จะเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนในการตัดสินใจระหว่างการกิน เช่น
ถ้าผู้ใหญ่เลือกชนิดอาหาร จะให้เด็กเลือกปริมาณอาหารที่อยากกินเอง
และยอมรับการตัดสินใจของเด็ก ไม่ฝืน ไม่บังคับ
แม้แต่การเปิดโอกาสให้ลองอาหารใหม่ๆ ก็จะเน้นการชักชวนให้ลอง ไม่บังคับ
กระตุ้นให้เด็กอยากลองด้วยตัวเอง (ซึ่งวิธีนี้บ้านผมลองแล้วเวิร์คกว่าเดิมมากทีเดียว)
4. เวลากินแสนสั้นอันสงบสุข
การกินอาหารไม่ควรจะลากยาวนานจนน่าเบืิ่อ จริงๆซัก 20 นาทีถึงครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าพอสมควรแล้ว การฝืนบังคับให้เด็กนั่งแช่ยาวนานจะยิ่งทำให้เด็กเบื่อบรรยากาศการกินอาหารในระยะยาวได้ง่าย และการกินขนมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย(ในวัฒนธรรมฝรั่งเศส) เพียงแต่ควรจะหักให้กินเป็นเวลา (วันละครั้ง) และทำให้เขารู้สึกว่ามันคือโอกาสพิเศษของวันที่จะได้กินของอร่อยๆ
สรุปสั้นๆ
กินเหมือนผู้ใหญ่-สร้างบรรยากาศการกินดีๆ-ให้เด็กได้ตัดสินใจ-สั้นๆ
ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการกินข้าวทุกมื้อครับ
สวัสดี :)
ตั้งแต่การฝึกลูกนอนหลับยาว การกิน และการศึกษาที่แตกต่างจากวัฒนธรรมอเมริกัน เธอก็เลยเขียนหนังสือออกมาขายแล้วก็เลยขายดีไปทั่วโลก
ซึ่งเล่มแรกถ้าอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าน้ำเยอะ
ถ้าเน้นใช้งานได้เร็วผมแนะนำให้อ่านเล่ม
"French Parents Don't Give In"
จะกระชับและเข้าเนื้อหาเร็วกว่า
กลับมาที่สาระหลักเฉพาะเรื่องการทำให้เด็กสนุกกับการกินก่อน
(ในหนังสือมีหลายประเด็น เช่น การนอน การเรียน แต่วันนี้เราจะคุยแค่เรื่องการกิน)
ผมลองปรับเอาทริคในหนังสือมาใช้เป็น 4 ข้อหลักๆ
1. ไม่มีอาหารสำหรับเด็ก
สำหรับเด็กเล็กๆ เราอาจจะต้องเตรียมอาหารที่ผ่านการ บด/ปั่น/สับ/แช่แข็ง/อุ่น/ต้ม/เคี่ยว
แต่สำหรับเด็กที่เริ่มโตมาหน่อยจนมีฟันขึ้นดีแล้ว เขาจะได้กินอาหารเหมือนกันกับที่ผู้ใหญ่ในบ้านกิน นั่นจะนำมาซึ่งความหลากหลายของอาหารที่มากขึ้น (ซึ่งก็ควรเป็นไปตามวัย)
โดยวัฒนธรรมของคนฝรั่งเศส ผู้ใหญ่จะเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองรสอาหารใหม่ๆในทุกมื้อ เพื่อที่เขาจะได้รู้จักการกินอาหารอย่างหลากหลายเมื่อโตขึ้น
2. บรรยากาศของการกิน
สิ่งที่วัฒนธรรมฝรั่งเศสน่าสนใจ คือการสอนให้เด็กๆช่วยเตรียมอาหาร (พวกสลัด) ทำให้เด็กๆมีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศการกินอาหาร ไม่มีการเปิดทีวี และเมื่อกินอาหารใหม่ๆกัน ผู้ใหญ่จะชวนคุยในเรื่องของรสชาติของอาหารที่เพิ่งลองว่า รสชาติเปรี้ยวหรือหวานกว่าอาหารที่เด็กคุ้นเคย ทำให้เด็กเริ่มคิดเปรียบเทียบ และจดจำรสชาติต่างๆได้ดีกว่า การพยายามป้อนอาหารใส่ปากเด็ก(แบบยัดเยียด) และทำให้เด็กรู้สึกดีในระหว่างการกินอาหารแต่ละมื้อ
3. ให้อำนาจในการตัดสินใจ
ผู้ใหญ่จะเปิดโอกาสให้เด็กได้มีส่วนในการตัดสินใจระหว่างการกิน เช่น
ถ้าผู้ใหญ่เลือกชนิดอาหาร จะให้เด็กเลือกปริมาณอาหารที่อยากกินเอง
และยอมรับการตัดสินใจของเด็ก ไม่ฝืน ไม่บังคับ
แม้แต่การเปิดโอกาสให้ลองอาหารใหม่ๆ ก็จะเน้นการชักชวนให้ลอง ไม่บังคับ
กระตุ้นให้เด็กอยากลองด้วยตัวเอง (ซึ่งวิธีนี้บ้านผมลองแล้วเวิร์คกว่าเดิมมากทีเดียว)
4. เวลากินแสนสั้นอันสงบสุข
การกินอาหารไม่ควรจะลากยาวนานจนน่าเบืิ่อ จริงๆซัก 20 นาทีถึงครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าพอสมควรแล้ว การฝืนบังคับให้เด็กนั่งแช่ยาวนานจะยิ่งทำให้เด็กเบื่อบรรยากาศการกินอาหารในระยะยาวได้ง่าย และการกินขนมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย(ในวัฒนธรรมฝรั่งเศส) เพียงแต่ควรจะหักให้กินเป็นเวลา (วันละครั้ง) และทำให้เขารู้สึกว่ามันคือโอกาสพิเศษของวันที่จะได้กินของอร่อยๆ
และเมื่อเด็กรู้สึกดีกับการกิน
เขาก็จะสนุกกับการกินง่ายขึ้นเอง :)
สรุปสั้นๆ
กินเหมือนผู้ใหญ่-สร้างบรรยากาศการกินดีๆ-ให้เด็กได้ตัดสินใจ-สั้นๆ
ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการกินข้าวทุกมื้อครับ
สวัสดี :)