
การที่เกิดความคิดที่โหดร้ายขึ้นกับบุคคลใด
บุคคลนั้นๆจะมีอาการป่วยทางจิตทันทีใช่หรือไม่?
และคำตอบจากหลายๆคนก็กล่าวเอาไว้ว่า ..
แต่เพราะเชื้อโรคตัวนี้ มันสามารถแพร่ระบาดได้มากโข กับมนุษย์เลยแหละ
โรคฆาตกร = มนุษย์ผู้หลั่งสารเคมีในสมองผิดปกติ = ผู้ป่วยทางจิตใจเราอาจจะมองได้หลายๆแง่มุมมอง
แต่เพราะเชื้อโรคตัวนี้ มันสามารถแพร่ระบาดได้มากโข กับมนุษย์เลยแหละ
ยิ่งในช่วงสมัยประวัติศาสตร์ ยิ่งมีผู้คนที่ติดเชื้อโรคร้ายนี้ เยอะซะด้วย
ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีการคำนึงถึงการทำร้ายทางจิตใจเหล่าผู้คนที่เวทนา
ซึ่งไม่ว่าจะตามสถานะ บุคคลที่มีฐานะความร่ำรวย หรือว่า ความยากจน
ก็ตามที ...
คุณรู้หรือไม่ ว่าเชื้อโรคร้ายชนิดนี้ ทำให้มนุษย์เป็น โรคฆาตกร ที่เหี้ยมโหดได้เลยล่ะ
1. เพราะอาจจะเป็นปมที่เกิดจากการถูกสังคมกีดกัน กดดัน คนรอบข้างไม่เหลียวแล
2. เพราะอาจจะมีปัญหาทางอารมณ์ ทางจิตใจ และเสพติดกับอาการคลั่งที่ไร้ทางเยียวยา
3. เพราะอาจจะถูกคนในครอบครัวทิ้ง หรือ ไร้ความรับผิดชอบ เกรด F ในวิชาการเลี้ยงดู
2. เพราะอาจจะมีปัญหาทางอารมณ์ ทางจิตใจ และเสพติดกับอาการคลั่งที่ไร้ทางเยียวยา
3. เพราะอาจจะถูกคนในครอบครัวทิ้ง หรือ ไร้ความรับผิดชอบ เกรด F ในวิชาการเลี้ยงดู
และการใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์ ทั้งนี้ทั้งนั้นยังมีอีกหลายๆข้อมากมาย
ตามความคะเนจากความเป็นจริงในหลายๆเหตุการณ์อีกเช่นกัน
ยกตัวอย่างเรื่องของ Elizabeth Bathory นางมารร้ายผู้หลงใหลความงาม
จากคาวเลือดบริสุทธิ์ เธอเป็นคนในตระกูลขุนนางชั้นสูงและเก่าแกในฮังการี
ก่อนที่ปฐมบทของความสยดสยองจะเกิดขึ้นในสมัยนั้น ตั้งแต่เด็ก อลิซาเบธ
ก็มีอาการบกพร่องทางจิตอย่างรุนแรง เพราะคนสมัยก่อนนั้น
คนในตระกูลขุนนางต้องการรักษาเชื้อคนชั้นสูงเอาไว้
จึงนิยมแต่งงานในหมู่ญาติสายเลือดเดียวกัน หลังจากที่เธอเป็นสาวสวยที่มีอำนาจ
เงินทองอยู่ในกำมือ เธอก็มีผีร้ายคอยกัดกินความคิดวิปริตของเธอ
ทำให้เธอรู้สึกอยากคงความงามไว้แบบนี้ตลอดไป และหวาดกลัวที่หนังเนื้อผิวของเธอ
จะย่นไปตามกาลเวลา เธอจึงคิดค้นวิธีนการคืนความเป็นสาวด้วยการนำเลือด
ของมนุษย์ด้วยกัน มาชโลมร่างกาย ! ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานเลี้ยงรับประทานอาหารปลอมๆ
เพื่อเชื้อเชิญผู้ร่วมงานเลี้ยงมาสังหารหมู่เพราะความสนุกหรรษาของเธอ
หรือจะเป็นการให้ทหารเชือดคอหอยหญิงสาวบริสุทธิ์ โดยที่เธอนอนรออาบน้ำเลือดในอ่างอาบน้ำ
ในหน้าบันทึกของประวัติศาสตร์ได้บันทึกเอาไว้ว่า
อลิซาเบธ บาโธรี่ฆ่าคนไป 600 กว่าคนแล้ว
(โหดมั้ยล่ะ)
หรือจะเป็นเรื่องของ ฆาตรกรสุดโหดเหี้ยมแห่งยุค ในลอนดอน
อย่าง Jack The Ripper ที่ติดเชื้อของโรคฆาตรอย่างรุนแรง
ชายหยุ่มผู้ที่อยู่ติดชาร์จในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษและทั่วโลกที่รู้จักกันดีคนนี้ เขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่าหญิงโสเภณีในย่านสลัม ไวต์ชาเปล ของลอนดอนในปี 1888
และชายผู้นี้ยังไม่เคยโดนจับได้เลยตั้งแต่เขาก่อคดีสะเทือนขวัญในลอนดอนมา
ทั้งยังมีวิธีฆ่าที่โหดและสยดสยอง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าโดยการผ่าท้อง
และลากเอาไส้มาแขวนไว้ที่เสาไฟฟ้า การแขวนศพเหยื่อไว้บนกำแพง ฯลฯ
จนกระทั้ง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ หยุดการกระทำหฤโหด และได้ทิ้งปริศนาไว้ตลอดกาล
จนทำให้ชื่อเสียงของเขาถูกนำไปเรียบเรียงใหม่ในนวนิยายสืบสวนชื่อดัง
จากในเรื่อง นักสืบโฮล์มนั่นเอง
Peter Kurten ราชาแห่งพวกวิปริตทางเพศ
ชายผู้ติดเชื้อโรคฆาตกร ทางจิตใจอย่างรุนแรงอีก 1 คน
และเป็นบุคคลที่เคยทำให้ชาวเยอรมันต้องหวาดผวา หวาดกลัว
ต่อความโหดร้ายของเขา เนื่องจากเหยื่อที่เขาสังหารมักจบชีวิต
โดยบาดคอที่หลอดลม นอนจมกองเลือด และบางศพมีรอยดูดเลือดด้วย
แสดงถึงความวิปริตที่ติดตัวเป็นนิสัย และความหวาดกลัวนี้...
ได้แผ่ขยายไปทั่วประเทศเยอรมันมาแล้ว
ปีเตอร์ เคอร์เทน เขาคือเจ้าของฉายา ผีดูดเลือดแห่งดุสเซอดอร์ฟ ฆาตกรต่อเนื่องฆ่า9ศพ ไม่เว้นแม้กระทั่ง มีความสัมพันธ์วิปริตกับการทรมานสัตว์อีกด้วย
ศาสตราจารย์ คาร์ล เบิร์ก เป็นบุคคลที่นำชีวประวัติปีเตอร์ เคอร์เทนไป
วิเคราะห์สภาพจิตใจ มาแต่งหนังสือThe Sadist ในปี 1945
และหนังสือเล่มนี้ได้มีความสำคัญในการปรับปรุงทฤษฎีหลัก ๆ
กับการศึกษาอาชญาวิทยา ...
นี่มันคงเป็นความดีครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของ ปีเตอร์ เคอร์เทน แต่ถึงยังไง มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความผิดที่เขาก่อกับเหยื่อที่น่าสงสารเหล่านั้น
โรคฆาตกรที่ผวนแปรเปลี่ยนทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเป็นบุคคลวิกลจริต
หรือที่เรียกกันว่า โรคจิต มีอาการความคิดที่แปลกแยกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ
หรือที่เรียกกันว่า โรคจิต มีอาการความคิดที่แปลกแยกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ
และการกระทำที่คร่าชีวิตเหล่าผู้คนเหมือนผักปลา ...
ปัจจุบัน เริ่มมีการศึกษาเกี่ยวกับ จิตวิทยา กันมากขึ้น
เพื่อแก้ไข ปัญหาและสถานการณ์ไม่ให้ซ้ำรอยกับอดีต
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและสังคมนั้นๆอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็น การกลั่นแกล้งคนที่อ่อนแอ ในห้องเรียน
หรือ การกีดกัน ในสังคม เพื่อระบายความเครียดก็ตาม
อย่าง พ่อแม่ตบตี ทำร้ายร่างกายเด็ก หรือจะเป็นคนรัก
ที่หลอกลวงความเชื่อใจของอีกคนหนึ่ง
หารู้ไม่ว่า ความสนุกหรรษาที่ได้ทำแบบนั้นน่ะ
ทำให้หลายคนที่เป็นผู้ถูกการทำมีจิตใจบอบช้ำมากแค่ไหน
มีความบิดเบี้ยวในจิตใจมากมายแค่ไหน
บางคนอาจจะต้องการที่ ฆ่าใครสักคน เพื่อความพึงพอใจของตัวเอง
หรือบางคน ต้องกลายเป็น โรคซึมเศร้า ที่ยอมสละชีวิตตัวเอง
กลายเป็นคนไม่มีทางสู้ สภาวะถูกกดดันโดยคนรอบข้าง
ทำให้มีความรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย ท้อแท้กับการมีชีวิตอยู่ ..
ถ้าหากจากผู้กระทำกลายเป็นผู้ถูกกระทำ และผู้ที่เคยถูกกระทำกลายเป็นหมาล่าเนื้ออดีตผู้กระทำเล่า จะเข้าใจสภาพจิตใจของบุคคลเหล่านั้นหรือไม่ คิดดูๆ ~