
"Jazz is dying Mia. And I refuse to let it happen in my lifetime"
ประโยคที่เซบาสเตียนพูดกับมีอาในเรื่อง La la land คงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง ถึงจะไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความหมายก็คงไม่ผิดไปจากนี้เท่าไหร่
Jazz is dying
ทำไมแจ๊สถึงกำลังตายลง ไม่สิ, ทำไมสิ่งรอบๆ กายเราถึงหายและตายไป บางอย่างก็จากเราไปอย่างรวดเร็วไม่แพ้กับตอนที่มันมา แต่อีกหลายอย่างก็พยายามสู้กับชะตากรรมของมันเหลือเกิน จนกระทั่งวาระสุดท้ายของมันก็ยังน่าชื่นชม
ให้ลองนับนิ้วดูก่อน
วิดิโอ VHS, กล้องโพราลอยด์, ฟิล์มถ่ายรูป, เทปคาสเซต, ซาวด์อะเบาท์, จดหมายที่เขียนดวยมีอ, สมุดไดอารี่, วงป๊อปบอยแบนด์, ร้านการ์ตูนญี่ปุ่น, เพจเจอร์, พีซีที, ฟีเจอร์โฟน ...
แค่ในช่วงชีวิตซักสิบกว่าปี อารยธรรมอันรุ่งโรจน์และการล่มสลายก็มากมายขนาดนี้แล้ว บางทีถ้าไล่เรียงกันดูจริงๆ นิ้วมืออาจจะไม่พอนับก็ได้
มันคงเป็นธรรมดาของโลกใบนี้ ที่ทุกสิ่งเหมือนจะเป็นบันได เหยียบสิ่งที่มีมาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปด้านบน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน หากสิ่งที่มาใหม่ดีกว่า นั่นย่อมทำให้เราไม่ใช่บันไดขั้นบนสุดอีกต่อไป
บางทีฟิล์มถ่ายรูปอาจจะเป็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างได้ดี
ครั้งหนึ่งมันแทบจะถูกเรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในการเก็บภาพความทรงจำไว้ในแผ่นพลาสติกสีน้ำตาล สองยักษ์ใหญ่ของโลกนี้อย่างโกดัคและฟูจิ ต่างพากันแข่งกันเพื่อเป็นที่หนึ่ง ทั้งการสร้างนวัตกรรมขึ้นมา รวมถึงการทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความปรานี
ครั้งหนึ่งโกดัคเหมือนจะเป็นผู้ชนะ
โกดัคทำทุกวิถีทางให้ฟูจิต้องศิโรราบ กระทั่งทุ่มเงินลงทุนไปเพื่อให้บูทขายฟิล์มต่างๆ นั้นขายแต่ของโกดัคเท่านั้น ความยิ่งใหญ่ของโกดัคนั้นถึงขนาดที่สามารถซื้อชื่อของโรงละครที่ประกาศผลรางวัลออสการ์ของทุกปีมาได้
ใช่แล้ว, ครั้งหนึ่งไม่มีใครไม่รู้จักโกดัคเทียเตอร์
หากแต่สิ่งที่โกดัคไม่รู้ หรือไม่ได้ใส่ใจ คือการมาของกล้องดิจิตอลจะทำให้อารยธรรมของฟิล์มที่สร้างขึ้นกว่าร้อยปี พังทลายลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงหนึ่งในสิบของมันเท่านั้น
แล้วโกดัคก็ล้มละลายลง
เรื่องราวของแจ๊สก็เช่นกัน อาจจะแตกต่างไปบ้างจนไม่เหมือนเรื่องราวเดียวกัน แต่หากมองลึกๆ ลงไปสองเรื่องนี้ช่างคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ
ครั้งหนึ่งนั้นแจ๊ส, ดนตรีของคนผิวดำจากนิวออลีน, นั้นถือว่าเป็นดนตรีที่ทันสมัยที่สุด มันมีความสดใหม่ทุกครั้งที่ได้ฟัง มันคือการต่อสู้กันเองของเครื่องดนตรีที่พร้อมจะเล่นโซโล่ได้ทุกเมื่อ มันคือการกระทบกันของสินแร่ที่จะเปล่งประกายออกมาเป็นทองในที่สุด มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร และจะไม่มีใครเหมือน
แต่เพราะเช่นนั้น แจ๊สจึงไม่สนใจใคร แจ๊สสนใจเพียงอะไรใหม่ๆ แค่บางอย่าง หากแต่ไมได้สนใจคนฟังเลย เพราะคนฟังสิที่ต้องหลงใหลในแจ๊ส
จึงไม่น่าแปลกใจ หากให้คนทุกวันนี้ฟังเพลงแจ๊สยุคเก่าอย่าง หลุยส์ อาร์มสตรอง หรือธีโลเนียส มังค์ หลายคนคงจะถอดใจเลิกฟังหลังจากยังไปไม่ถึงครึ่งเพลง เพราะแจ๊สนั้นไม่สนใจเราเลย ราวกับคนที่พูดคนละภาษา
เมื่อเพลงร็อคและป๊อปถือกำเนิดขึ้นมา ชะตากรรมของแจ๊สจึงไม่ต่างอะไรไปจากฟิล์ม
หรือชะตากรรมของฟิล์มจึงไม่ต่างอะไรไปจากแจ๊ส
หากแต่ว่า แจ๊สนั้นกำลังจะตายจริงๆ หรือ?
น่าตลกที่เราคงจะต้องกลับมาที่ฟิล์มอีกครั้งเพื่อตอบคำถามนี้
โกดัคนั้นหลังจากที่ล้มละลายไปสักพักหนึ่ง เขาหันมามองตัวเอง ไม่นานนักโกดัคก็เริ่มกลับมาผลิตฟิล์มอีกครั้ง ฟิล์มหน้ากว้างความละเอียดสูงที่ไม่ได้ผลิตมาร่วมสิบปีแล้ว เพราะเชื่อกันว่าไม่มีใครซื้อ
หากแต่ความคิดนั้นผิดไป
ไม่ใช่เฉพาะแค่สิ่งเหล่านี้ ปัจจุบันตลาดของฟิล์มก็ยังกลับมาโตอย่างช้าๆเช่นเดียวกับอะไรอีกหลายๆ สิ่งที่เราคิดว่าตายไปแล้ว อย่างเช่น แผ่นเสียง หรือกล้องโพลารอยด์ ที่มูลค่าแม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป
ทำไมกัน
เหตุผลง่ายๆ ข้อหนึ่งคือ ของเหล่านี้นั้นมีคุณค่าด้วยตัวของมันเอง ที่ไม่ได้เป็นแค่สิ่งสนองความต้องการของตลาด แต่มีอะไรบางสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนมันได้
เพลงแจ๊สเองก็เช่นกัน เพลงแจ๊สจะไม่ตายจากเราไปไหน หากแต่รอวันที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือเปล่งประกายอีกครั้งในวันที่ทุกคนลองมองกลับมายังต้นตอของอดีต
คนเราเองก็เช่นกัน
หากแม้ใครมองไม่เห็นค่าของเรา ลองมองกลับมาสิว่าเรามีสิ่งใดที่เป็นเนื้อแท้ที่ไม่มีใครทดแทนมันได้หรือไม่
หากว่าใช่ แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่โตนัก แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ข้างหน้า
แต่ว่าโลกใบนี้ ยังมีที่ให้คุณเสมอ
Audition (Fools Who Dream)
Emma Stone
La la land, 2016
https://www.youtube.com/watch?v=SXsqYs1l_IY
ประโยคที่เซบาสเตียนพูดกับมีอาในเรื่อง La la land คงจะประมาณนี้ล่ะมั้ง ถึงจะไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความหมายก็คงไม่ผิดไปจากนี้เท่าไหร่
Jazz is dying
ทำไมแจ๊สถึงกำลังตายลง ไม่สิ, ทำไมสิ่งรอบๆ กายเราถึงหายและตายไป บางอย่างก็จากเราไปอย่างรวดเร็วไม่แพ้กับตอนที่มันมา แต่อีกหลายอย่างก็พยายามสู้กับชะตากรรมของมันเหลือเกิน จนกระทั่งวาระสุดท้ายของมันก็ยังน่าชื่นชม
ให้ลองนับนิ้วดูก่อน
วิดิโอ VHS, กล้องโพราลอยด์, ฟิล์มถ่ายรูป, เทปคาสเซต, ซาวด์อะเบาท์, จดหมายที่เขียนดวยมีอ, สมุดไดอารี่, วงป๊อปบอยแบนด์, ร้านการ์ตูนญี่ปุ่น, เพจเจอร์, พีซีที, ฟีเจอร์โฟน ...
แค่ในช่วงชีวิตซักสิบกว่าปี อารยธรรมอันรุ่งโรจน์และการล่มสลายก็มากมายขนาดนี้แล้ว บางทีถ้าไล่เรียงกันดูจริงๆ นิ้วมืออาจจะไม่พอนับก็ได้
มันคงเป็นธรรมดาของโลกใบนี้ ที่ทุกสิ่งเหมือนจะเป็นบันได เหยียบสิ่งที่มีมาก่อนหน้านี้แล้วเพื่อที่จะก้าวขึ้นไปด้านบน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน หากสิ่งที่มาใหม่ดีกว่า นั่นย่อมทำให้เราไม่ใช่บันไดขั้นบนสุดอีกต่อไป
บางทีฟิล์มถ่ายรูปอาจจะเป็นสิ่งที่เป็นตัวอย่างได้ดี
ครั้งหนึ่งมันแทบจะถูกเรียกว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ในการเก็บภาพความทรงจำไว้ในแผ่นพลาสติกสีน้ำตาล สองยักษ์ใหญ่ของโลกนี้อย่างโกดัคและฟูจิ ต่างพากันแข่งกันเพื่อเป็นที่หนึ่ง ทั้งการสร้างนวัตกรรมขึ้นมา รวมถึงการทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ความปรานี
ครั้งหนึ่งโกดัคเหมือนจะเป็นผู้ชนะ
โกดัคทำทุกวิถีทางให้ฟูจิต้องศิโรราบ กระทั่งทุ่มเงินลงทุนไปเพื่อให้บูทขายฟิล์มต่างๆ นั้นขายแต่ของโกดัคเท่านั้น ความยิ่งใหญ่ของโกดัคนั้นถึงขนาดที่สามารถซื้อชื่อของโรงละครที่ประกาศผลรางวัลออสการ์ของทุกปีมาได้
ใช่แล้ว, ครั้งหนึ่งไม่มีใครไม่รู้จักโกดัคเทียเตอร์
หากแต่สิ่งที่โกดัคไม่รู้ หรือไม่ได้ใส่ใจ คือการมาของกล้องดิจิตอลจะทำให้อารยธรรมของฟิล์มที่สร้างขึ้นกว่าร้อยปี พังทลายลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงหนึ่งในสิบของมันเท่านั้น
แล้วโกดัคก็ล้มละลายลง
เรื่องราวของแจ๊สก็เช่นกัน อาจจะแตกต่างไปบ้างจนไม่เหมือนเรื่องราวเดียวกัน แต่หากมองลึกๆ ลงไปสองเรื่องนี้ช่างคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ
ครั้งหนึ่งนั้นแจ๊ส, ดนตรีของคนผิวดำจากนิวออลีน, นั้นถือว่าเป็นดนตรีที่ทันสมัยที่สุด มันมีความสดใหม่ทุกครั้งที่ได้ฟัง มันคือการต่อสู้กันเองของเครื่องดนตรีที่พร้อมจะเล่นโซโล่ได้ทุกเมื่อ มันคือการกระทบกันของสินแร่ที่จะเปล่งประกายออกมาเป็นทองในที่สุด มันเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร และจะไม่มีใครเหมือน
แต่เพราะเช่นนั้น แจ๊สจึงไม่สนใจใคร แจ๊สสนใจเพียงอะไรใหม่ๆ แค่บางอย่าง หากแต่ไมได้สนใจคนฟังเลย เพราะคนฟังสิที่ต้องหลงใหลในแจ๊ส
จึงไม่น่าแปลกใจ หากให้คนทุกวันนี้ฟังเพลงแจ๊สยุคเก่าอย่าง หลุยส์ อาร์มสตรอง หรือธีโลเนียส มังค์ หลายคนคงจะถอดใจเลิกฟังหลังจากยังไปไม่ถึงครึ่งเพลง เพราะแจ๊สนั้นไม่สนใจเราเลย ราวกับคนที่พูดคนละภาษา
เมื่อเพลงร็อคและป๊อปถือกำเนิดขึ้นมา ชะตากรรมของแจ๊สจึงไม่ต่างอะไรไปจากฟิล์ม
หรือชะตากรรมของฟิล์มจึงไม่ต่างอะไรไปจากแจ๊ส
หากแต่ว่า แจ๊สนั้นกำลังจะตายจริงๆ หรือ?
น่าตลกที่เราคงจะต้องกลับมาที่ฟิล์มอีกครั้งเพื่อตอบคำถามนี้
โกดัคนั้นหลังจากที่ล้มละลายไปสักพักหนึ่ง เขาหันมามองตัวเอง ไม่นานนักโกดัคก็เริ่มกลับมาผลิตฟิล์มอีกครั้ง ฟิล์มหน้ากว้างความละเอียดสูงที่ไม่ได้ผลิตมาร่วมสิบปีแล้ว เพราะเชื่อกันว่าไม่มีใครซื้อ
หากแต่ความคิดนั้นผิดไป
ไม่ใช่เฉพาะแค่สิ่งเหล่านี้ ปัจจุบันตลาดของฟิล์มก็ยังกลับมาโตอย่างช้าๆเช่นเดียวกับอะไรอีกหลายๆ สิ่งที่เราคิดว่าตายไปแล้ว อย่างเช่น แผ่นเสียง หรือกล้องโพลารอยด์ ที่มูลค่าแม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป
ทำไมกัน
เหตุผลง่ายๆ ข้อหนึ่งคือ ของเหล่านี้นั้นมีคุณค่าด้วยตัวของมันเอง ที่ไม่ได้เป็นแค่สิ่งสนองความต้องการของตลาด แต่มีอะไรบางสิ่งที่ไม่สามารถทดแทนมันได้
เพลงแจ๊สเองก็เช่นกัน เพลงแจ๊สจะไม่ตายจากเราไปไหน หากแต่รอวันที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ หรือเปล่งประกายอีกครั้งในวันที่ทุกคนลองมองกลับมายังต้นตอของอดีต
คนเราเองก็เช่นกัน
หากแม้ใครมองไม่เห็นค่าของเรา ลองมองกลับมาสิว่าเรามีสิ่งใดที่เป็นเนื้อแท้ที่ไม่มีใครทดแทนมันได้หรือไม่
หากว่าใช่ แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่โตนัก แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ข้างหน้า
แต่ว่าโลกใบนี้ ยังมีที่ให้คุณเสมอ
Audition (Fools Who Dream)
Emma Stone
La la land, 2016
https://www.youtube.com/watch?v=SXsqYs1l_IY