
เด็กชายจากดาวอื่น เด็กชายที่มาจากนอกโลกน่ะหรือ ?
นี่คือความคิดแรกของฉันเมื่อเห็นชื่อหนังสือ
เพื่อไขข้อข้อสงสัย ฉันจึงเริ่มพลิกอ่านไปที่บทแรก
"แม่กับลูก 49 คน" น่าสนใจไม่หยอกเลยแฮะ
หนังสือเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเด็กชายชื่อ "ปาน" อายุ 5 ปี
อยู่ในความดูแลของ "คุณหมอเพ็ญ" ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง
ความพิเศษของปาน คือ เป็นเด็กที่มีนิ้ว 11 นิ้ว มีปานสีแดงที่ข้างแก้ม และพูดติดอ่าง
อยู่ในความดูแลของ "คุณหมอเพ็ญ" ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง
ความพิเศษของปาน คือ เป็นเด็กที่มีนิ้ว 11 นิ้ว มีปานสีแดงที่ข้างแก้ม และพูดติดอ่าง
มีประโยคนึงของคุณหมอเพ็ญในหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ
ไม่ว่าจะเกิดมาหน้าตาหรือร่างกายเป็นเช่นไร
สิ่งที่ตัดสินว่า เราเป็นคนพิเศษหรือไม่ มิใช่รูปลักษณ์ภายนอก
แต่เป็น "ความดี" ต่างหาก
“คนที่ช่วยเหลือคนอื่นนั้นนับเป็นคนพิเศษ”
ไม่ว่าจะเกิดมาหน้าตาหรือร่างกายเป็นเช่นไร
สิ่งที่ตัดสินว่า เราเป็นคนพิเศษหรือไม่ มิใช่รูปลักษณ์ภายนอก
แต่เป็น "ความดี" ต่างหาก
จวบจนมาถึงบรรทัดสุดท้ายของหนังสือ มองไปที่นาฬิกา เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว
ฉันปิดหนังสือลง พร้อมฉุกคิดอะไรบางอย่าง
ใช่แล้ว ปัจจุบันผู้คนต่างให้ความสนใจกับเรื่องของตนเอง
จนละเลยสิ่งรอบข้าง ไม่แคร์ใครทั้งสิ้น
จึงคิดได้ว่า
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าใจคือคำว่า ดาวอื่น
คนที่เป็นเช่นนี้เหมาะสมกับคำว่ามาจากดาวอื่น จริงหรือ?
พวกเขามาจากโลกอื่นจริงๆ
หรือ เป็นเราที่พยายาม กีดกัน พวกเขา จากโลกใบนี้
ทั้งที่ในความเป็นจริงเราต่างอยู่บนโลกใบเดียวกัน
ลองคิดพิจารณากันดูว่า
การใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงกับหนังสืมเล่มนี้ นับว่าคุ้มค่า
เพราะ ได้ทั้งข้อคิดดีๆ และช่วยให้ระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ถูกหลงลืม
มีทั้งความรู้ด้านจิตวิทยาสอดแทรกเข้ามาด้วย
ฉันมีคำถามในใจหลังจากอ่านจบและนึกเสียดายเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
นึกขอบคุณวิชา วรรณคดีวิจารณ์ ทุกครั้งที่นำพาให้มารู้จักวรรณกรรมดีๆเช่นนี้
ฉันปิดหนังสือลง พร้อมฉุกคิดอะไรบางอย่าง
ใช่แล้ว ปัจจุบันผู้คนต่างให้ความสนใจกับเรื่องของตนเอง
จนละเลยสิ่งรอบข้าง ไม่แคร์ใครทั้งสิ้น
จึงคิดได้ว่า
"โลกนี้คงมีแต่ความเศร้าหมอง ถ้าไม่มีใครคิดช่วยเหลือผู้อื่นเลย"
คนที่เป็นเช่นนี้เหมาะสมกับคำว่ามาจากดาวอื่น จริงหรือ?
พวกเขามาจากโลกอื่นจริงๆ
หรือ เป็นเราที่พยายาม กีดกัน พวกเขา จากโลกใบนี้
ทั้งที่ในความเป็นจริงเราต่างอยู่บนโลกใบเดียวกัน
ลองคิดพิจารณากันดูว่า
ถ้าสักวันหนึ่งเราต้องกลายเป็นเด็กจากดาวอื่นบ้าง จะรู้สึกยังไง ?
การใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงกับหนังสืมเล่มนี้ นับว่าคุ้มค่า
เพราะ ได้ทั้งข้อคิดดีๆ และช่วยให้ระลึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ถูกหลงลืม
มีทั้งความรู้ด้านจิตวิทยาสอดแทรกเข้ามาด้วย
ฉันมีคำถามในใจหลังจากอ่านจบและนึกเสียดายเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
ทำไมฉันถึงมิได้อ่านหนังสือเล่มนี้มาตั้งนานแล้ว !?