
“อากาศดีจังเลยวันนี้”
ฉันเงยหน้ารับสายลมที่ปะทะใบหน้า พลางหลับตาสูดกลิ่นลมแล้วยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
Orientation Day
วันนี้เป็นวันปฐมนิเทศ พวกเรานักศึกษาใหม่ได้รับอีเมล์แจ้งให้ไปรวมตัวกันที่โรงยิมของมหาวิทยาลัยในช่วงเช้า ตัวฉันเองไปถึงก่อนเวลา 20 นาที จึงไม่รู้จะไปไหน เลยปักหลักหาที่นั่งรอมันที่โรงยิมนี่แหละ
เจอแล้ว !!
ฉันปีนขึ้นไปนั่งบนขอบเวที มันเป็นจุดที่สามารถมองเห็นว่าใครกำลังเดินมุ่งตรงเข้ามาในโรงยิมได้อย่างถนัดตา ฉันก้มลงไปหยิบสมุดโน๊ตสีแดงของฉันออกมาจากกระเป๋าเป้ พลางฮัมเพลงเบาๆตามเพลงที่เปิดคลออยู่ในหูฟัง แล้วขีดๆเขียนๆ วาดรูปไปเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา
ฉันโบกมือทักทายกลุ่มนักศึกษาชาวอินเดียที่เพิ่งเข้ามาทำความรู้จัก เมื่อหันกลับมาก็เห็นนักศึกษาชาวจีนผมทอง สูงราวๆ 190 ซม. มายืนข้างๆไม่ไกลจากกันมากนัก
แต่ความสนใจของฉันไม่ได้อยู่ที่เขา !!!!
ฉันเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในโรงยิม ผมของเขาเป็นลอนหยิกรับกับใบหน้าเรียวขาว ปากของเขาแดงสดใส เขามองเข้ามา . . เขาเดินตรงมา . . . เขาส่งยิ้มให้ . . . . .
วินาทีนั้นฉันไม่รู้หรอกว่าเขาส่งยิ้มให้ใคร
แต่รอยยิ้มบนหน้าเขามันทำให้โลกของฉันสดใส
โลกของฉันที่ตอนนี้มีเขายืนยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า
ทำไมฉันได้ยินเสียงระฆัง . . .
แล้วรั้วไม้สีขาวที่อยู่ด้านหลังเขามาจากไหน . . .
ทำไมจู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดเข้ามา . . .
. . . สายลมที่เหมือนเมื่อตอนเช้านั่น
. . . สายลมที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกเครียดกับเรื่องใดๆอีกเลย
ทำไมจู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดเข้ามา . . .
. . . สายลมที่เหมือนเมื่อตอนเช้านั่น
. . . สายลมที่ทำให้ฉันไม่รู้สึกเครียดกับเรื่องใดๆอีกเลย
ชอบจังเลย
ฉันนั่งตะลึงทำตาโตใส่เขาจนเขาเดินมาใกล้
ใช่ ฉันกำลังเขินอยู่
และเขาก็เดินเลี้ยวไปหาผู้ชายผมทองคนนั้น
ฉันก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป ทั้งที่ในใจอยากจะนั่งจ้องเขาคนนั้น แต่ไม่นาน ผู้ชายผมทองก็เดินเข้ามาพูดภาษาจีนใส่ฉัน ถามว่าเป็นคนเซี่ยงไฮ้รึเปล่า ฉันปฏิเสธและบอกว่าเป็นคนไทย เขาอึ้ง เพราะคงไม่เคยเจอคนไทยมาก่อน แต่ก็ยิ้มแล้วเดินกลับไปที่ของเขา
ฉันได้ยินเขาคนนั้นถามผู้ชายผมทองว่าฉันเป็นใคร
ฉันทำตาโตอีกครั้ง . . .
เขาเป็นใคร
ฉันรู้มาว่าเขาเป็นนักบาสของโรงเรียน และคิดว่าคงเรียนคนละคณะกับฉัน แต่ที่บังเอิญก็คือผู้ชายผมทองเพื่อนของเขาดันเป็นเพื่อนร่วมสาขากับฉัน นอกจากจะเห็นเขาใส่ชุดกีฬาบาสมาโรงเรียน ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกเลย
ฉันชอบแอบวาดรูปเขาในสมุดโน๊ตสีแดงทุกครั้งที่เจอเขา ไม่ว่าจะเห็นเขาใกล้ๆหรือไกลมากกกกก ยิ่งเวลาเจอกันในระยะประชิด ตาฉันจะโตทันที แถมหันหลังกลับโดยอัตโนมัติและรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดทุกทีเลย หรือถ้าบังเอิญเห็นเขากำลังจะเดินผ่านหน้าฉันไป ก็ดันบ้าเกิดสนใจในความงามของผนังอาคารขึ้นมาไปซะอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าสถานการณ์ที่ฉันจะดูเป็นปกติที่สุดเมื่ออยู่ใกล้ตัวเขา ก็คือการเดินตามหลังเขา
เพราะเมื่อไม่ต้องเผชิญหน้า
ก็ไม่รู้สึกว่ากำลังโดนจู่โจมความรู้สึกอยู่
และเมื่อไม่ได้โดนจู่โจมความรู้สึก
ก็ไม่มีปฏิกิริยาแปลกๆแสดงออกมาเพื่อต่อต้านหรือกลบเกลื่อน
จะว่าไปที่ฉันชอบอ่านเรื่องราวการแอบรักของคนอื่น คงเป็นเพราะแบบนี้
ไม่รู้สิ ฉันว่าไอ้อาการแปลกๆที่ทุกคนแสดงออกมา มันน่ารักดี ^-^
แต่มันจะไม่น่ารัก เมื่อความรู้สึกที่มีมันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นานวันเข้า ความรู้สึกที่มีก็อยากระเบิดออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทำอย่างที่ใจอยากทำ เพราะว่ากลัวไปหมด กลัวจะต้องสูญเสียอีกฝ่ายไป กลัวความรู้สึกที่มีให้อีกฝ่ายจะไม่สามารถล่องลอยอยู่รอบตัวเขาได้อย่างอิสระเหมือนที่เคยเป็น
มันอึดอัด มันทรมาน ทุรนทุราย ไม่มีความสุขเอาซะเลย . . .
ฉันตกอยู่ในสภาพนั้นเป็นเวลาหลายเดือน
จนเพื่อนของเขากลายเป็นเพื่อนของฉัน
จนเพื่อนของเขาบังเอิญเห็นฉันวาดรูปเขาในสมุดโน๊ตสีแดง
จนเพื่อนของเขาไปบอกเขา
จนเพื่อนของเขาช่วยหาโอกาสให้เราได้คุยกัน
แต่เพราะความไม่มั่นใจ ความหวั่นกลัว และไม่กล้าพอที่จะเผชิญหน้าคว้าโอกาสที่ได้รับ เลยทำให้ฉันเสียมันไป ฉันด่าทอตัวเองอยู่นาน นานจนในที่สุดฉันตัดสินใจละทิ้งความเขินอายทั้งหมดที่มี เดินหน้าไปขออีเมล์เขาจากเพื่อนของเขา และฉันก็ไม่ต้องแอบรักเขาข้างเดียวอีกต่อไป
ทำไมเขาถึงกลายเป็นเขาเอเวอเรสต์ในความทรงจำของฉัน ?
นั่นก็เพราะว่า . . .
ในวันที่ฉันตัดสินใจเปิดฉากความสัมพันธ์ก่อน
มันไม่ใช่ว่าฉันอยากเอาชนะใจตัวเอง
หรืออยากก้าวผ่านความกลัวของตัวฉันเองหรอก
“ฉันอยากเดินขึ้นไปบนยอดเขาเอเวอเรสต์นั่นกับเขามากกว่า”
มากกว่าความรู้สึกกลัวหรือความรู้สึกใดๆทั้งหมดรวมกันอีก
ในวันนั้นถ้าฉันยังเดินหนีต่อไป ฉันคงไม่ได้ค้นพบความหมายของความรัก ฉันคงไม่ได้เห็นความงดงามบนยอดเขากับคนที่ฉันรัก และฉันคงเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่กล้าเสี่ยงขึ้นไปพร้อมกันกับเขา
ในวันนี้เขาเองได้เดินลงจากเขาเอเวอเรสต์ไปแล้วและถึงพื้นดินอย่างปลอดภัย เขาออกเดินทางต่อพร้อมกับฝังเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่ในความทรงจำของเขา ในขณะที่ฉันยังคงนั่งห่อตัวหลบบังความเหน็บหนาวใต้แง่นหินกลางเขาเอเวอเรสต์ กำลังทำตัวเองให้อุ่น เยียวยาตัวเองให้แข็งแรงหลังจากที่พลัดตกเขาไปหลายครั้ง . . . แต่ฉันยังคงหลับตาและมีรอยยิ้มเสมอเมื่อสายลมพัดผ่านมาปะทะหน้า ยังคงดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวและเฝ้ารอสภาพอากาศที่เอื้อให้ฉันได้กลับขึ้นไปบนยอดเขาเอเวอเรสต์อีกครั้ง
จริงๆฉันแอบเผลอยิ้มออกมาทุกทีเมื่อจินตนาการเล่นๆ ถึงคนที่ฉันจะพบบนยอดเขา จะเป็นคนแบบไหนกันน้า . . ฉันคิดว่าฉันเริ่มอยากลงเขาไปพร้อมกับเขาคนนั้นและออกเดินทางต่อไปยังที่อื่นๆ “ด้วยกัน” แล้วล่ะ ^-^
#เกลียดทรงผมเด่นชัยมาก เอาจริงๆ
Image Cr. LittleHunches.com