
บันทึกของปลายฟ้า ตอนที่ 10
ปลายฟ้าตัดสินใจบอกสามีให้ลาออกจากงานเพื่อไปอยู่ด้วยกัน ด้วยเงินเดือนข้าราชการคงไม่เพียงพอสำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปกลับ ลูกเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องตัดสินใจร่วมกันปลายฟ้าขอให้ลูกย้ายไปเรียน ป.1 ที่โรงเรียนในพื้นที่ ทำให้เค้าต้องยอมทิ้งงานทิ้งสังคมเพื่อนฝูงเพื่อครอบครัว ซึ่งมันคงมีทางเลือกไม่มากนักสำหรับการตัดสินใจของเค้าในเมื่อเราเลือกความมั่นคงในครอบครัวอีกคนต้องยอมเสียสละ วันสุดท้ายของการทำงานวันที่ต้องลานาย ลาพี่ๆ ที่ทำงานรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ที่นี่ให้อะไรแก่ชีวิตเรามากมายได้ความรู้และประสบการณ์ในการทำงานทำให้เรารู้จักชีวิตมากขึ้น เราได้รู้จักคนดีๆ ที่ยังมีน้ำใจต่อกันถึงทุกวันนี้ พี่ที่นั่งทำงานร่วมกันมากกว่า 5 ปีมีของขวัญให้พร้อมคำอวยพรในหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัว พี่เดินส่งน้องจนถึงรถกอดลาปลายฟ้าและลูกทั้งน้ำตา ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำเสมอไม่เคยลืม
การขนย้ายสัมภาระและสิ่งของดูเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการเดินทางเกือบพันกิโลเมตร สิ่งของบางอย่างจึงถูกขนย้ายไปเก็บที่บ้านหลังเล็กๆ ห่างไกลชุมชนในกรุงเทพที่เราตัดสินใจซื้อต่อจากพี่สาวที่กรุณาขายให้ในราคาเป็นกันเอง เราช่วยกันผ่อนกับธนาคารไว้เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า บางส่วนขนย้ายไปที่บ้านพ่อ ปลายฟ้าไม่ลืมที่จะไปลาพ่อ พี่ น้อง และญาติๆ ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมาเยี่ยม ทุกคนคงใจหายกับการเดินทางไกลของครอบครัวเรา ปลายฟ้าไม่ลืมที่จะขอเลือกกระดูกของแม่หนึ่งชิ้นในโกศติดตัวไปเป็นที่พึ่งทางใจเมื่อต้องห่างไกลจากบ้านเกิด ของใช้เท่าที่จำเป็นถูกลำเลียงใส่รถคู่ใจพร้อมเดินทาง
การเดินทางของครอบครัวเราต้องพึ่งแผนที่ประเทศไทย ไม่มี Google Map เหมือนเช่นปัจจุบัน เราออกเดินทางเช้ามืดแวะพักทานอาหารเติมน้ำมันรถไปตลอดทาง เส้นทางล่องใต้ค่อนข้างสัญจรสะดวกผ่านสุราษฎร์มุ่งหน้าสู่เกาะภูเก็ต เราเดินทางผ่านชุมชนบ้านตาขุนบนถนนเล็กๆ ผ่านภูเขาที่ชุ่มชื้นเขียวชะอุ่มด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ช่างแตกต่างจากภูเขาทางภาคกลางและภาคตะวันออกอย่างสิ้นเชิง เราช่วยกันแกะแผนที่และถามผู้คนไปตลอดเส้นทาง ในที่สุดเวลาใกล้สี่โมงเย็นเราก็เดินทางมาถึงสะพานสารสิน สะพานแห่งตำนานรักของคู่หนุ่มสาว ทำให้เราต้องจอดดูความสวยงามของทะเลอันดามัน น้ำทะเลที่ใสสะอาดจนมองเห็นเป็นสีเขียวมรกต หาดทรายที่ขาวสะอาด ริมทะเลมีต้นโกงกางและต้นไม้น้ำปกคลุมแสดงถึงความสมบูรณ์ของท้องทะเล มองสองฝั่งของสะพานเห็นท้องทะเลกว้างไกลออกไปสุดตา เราเดินทางต่อมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเป้าหมายของเรา คือ สะพานหินที่ตั้งของที่ทำงานแห่งใหม่
รถยนต์ของเราถึงที่หมายเลี้ยวเข้าที่ทำการในเวลาเย็นพอดี ก้าวแรกของที่แห่งนี้ความเย็นสัมผัสผิวกาย ความรู้สึกร่มเย็นด้วยต้นก้ามปูขนาดใหญ่เรียงตามถนนด้านใน ลำต้นคนโอบไม่รอบ ทำให้สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่ของสถานที่ มองไปรอบๆ มีบ้านพักของข้าราชการเป็นเรือนแถวสองชั้น ชั้นบนทำด้วยไม้ชั้นล่างก่อด้วยปูนซีเมนต์ปลูกเรียงรายรอบพื้นทีี่หลายเรือนแถว บ้านของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นและชั้นเดียวปลูกเรียงติดๆ กัน อาคารสำนักงานอยู่ตรงกลางของพื้นที่มีถนนล้อมรอบ มีไม้ดอกไม้ประดับปลูกหน้าอาคารและหน้าเสาธง รถเราจอดหน้าอาคารสำนักงานมีพี่ผู้ชายรอรับและพาเรามาที่ห้องพักเรือนแถวหลังสำนักงาน ห้องพักโล่งๆ ลึกเข้ามามีห้องน้ำในตัวด้านหลังมีลานซักล้าง พี่แนะนำว่าที่นี่ฝนแปดแดดสี่เสื้อผ้าต้องตากไว้ในบ้านเท่านั้น ถ้าตากข้างนอกวิ่งเก็บทั้งวันบางวันมีฝนทั้งที่แดดออก นั่นหมายถึงฝนตกมากกว่ามีแสงแดด เราจึงเลือกนอนชั้นล่างเก็บชั้นบนไว้ตากเสื้อผ้า สามคนพ่อแม่ลูกกับชีวิตง่ายๆ ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องลำบากสำหรับเรา คืนแรกจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางขอฝากเนื้อฝากตัวเพื่อการทำงานที่ราบรื่นของใช้เครื่องนอนเพียงพอสำหรับคืนแรกอาหารการกินมีตลาดใกล้ๆ จึงไม่มีอะไรยากสำหรับเรา เหลือเพียงโรงเรียนของลูก
เช้าวันต่อมาปลายฟ้าสำรวจรอบๆ บริเวณ ด้านหลังเรือนแถวที่พักเห็นมีต้นไทรขนาดใหญ่ มีน้ำเอ่อเป็นช่องเหมือนร่องน้ำแม้้ว่าจะตื้นเขินและถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ทำให้ปลายฟ้าต้องเก็บข้อมูลเพื่อสอบถามคนเก่า พี่เค้าเล่าว่าตรงนี้เคยเป็นท่าเทียบเรือสำเภาในยุคนนั้น ปลายฟ้าต้องย้อนไปค้นหาประวัติของที่แห่งนี้เป็นสถานที่ก่อตั้งขึ้นมานานเกือบร้อยปี อาคารสถานที่ถูกสร้างและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา "ปลายฟ้านี่เราได้มาอยู่ในสถานที่ที่มีตำนานเกือบร้อยปีนับเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิตราชการ"
การเริ่มงานในตำแหน่งใหม่ของปลายฟ้าจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามใน...
บันทึกของปลายฟ้า ตอนที่ 11