
เคยเป็นมั้ยครับ วันบางวันที่ตื่นมาด้วยความรู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างมันดีไปหมด ตื่นมาสดชื่น อากาศดี อาบน้ำสบายตัว กินข้าวเช้าอร่อย แล้วทันใดนั้นเอง
จุ๊ๆๆๆๆๆๆ..........
เสียงจิ้งจกร้องทักขึ้นมา
แล้วก็เกิดคิดว่า เอ๊ะ จะซวยรึป่าววะ พอเดินออกจากบ้านแล้วก็พบว่านกพิราบทิ้งระเบิดใส่หัว ต้องกลับไปอาบน้ำใหม่ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูจะผิดพลาดไปหมด
รถติด ทำงานสาย นายด่า หมาไล่กัด ผัดกะเพราไม่อร่อย ป้าหน่อยทวงค่าแชร์ หกล้มได้แผลสด ไปจนถึงเจอคนตดในลิฟท์
...... แหม่ คนจะซวยนี่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ......
ภาษาอังกฤษมีคำพูดนึงเรียกเรื่องแบบนี้ว่า
หรือที่เรียกกันว่า "กฏของเมอร์ฟี (Murphy's law)"
แปลเป็นไทยก็คือ คนมันจะซวยก็จะซวยแน่ๆ
กฏนี้อธิบายได้ตรงตัวมาก และเป็นกฏที่น่าสงสารที่สุดตั้งแต่มีการตั้งวงการสมาคมกฏนานาชาติขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นกฏปลายแถว กฏต่ำต้อย กฏลูกเมียน้อย กฏชายขอบ กฏตกมาตรฐาน กฏถูกประนามหยามเหยียดเสียดสี กฏ.... พอเนอะ แค่นี้ก็แย่พอละ
กฏของเมอร์ฟีบอกไว้ว่า ในเหตุการณ์หนึ่งๆจะมีความเป็นไปได้ที่หลากหลายมากที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้ามีเรื่องที่ผิดพลาดหรือเลวร้ายจะเกิดขึ้น มันก็จะเกิด ห้ามไม่ได้
ประวัติการกำเนิดย้อนไปถึงหลายสิบปีก่อนนู้นนนน ที่มีวิศวกรคนนึงกำลังทำงานทดสอบระบบป้องกันภัยในเครื่องบินอยู่ แต่ปรากฏว่าผลทดสอบนั้นผิดเพี้ยนไปมาก
เมื่อทำการตรวจสอบเขาก็พบว่าผู้ช่วยของเขาเองทำการต่อวงจรผิด วิศวกรคนนั้นเลยโมโหมาก เหวี่ยงประแจลงพื้นแล้วพูดว่า "ถ้ามีโอกาสที่จะทำผิดได้หนึ่งในล้าน ผู้ช่วยของผมคนนี้แหละที่จะหามันเจอแน่ๆ"
วิศวกรคนนั้นชื่อ เมอร์ฟี
และในการประกาศข่าวเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยในเครื่องบิน ผู้แถลงข่าวก็เลยตีเนียนพูดซะเลยว่า
"เครื่องบินของเราทำการทดสอบความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้ตามกฏของเมอร์ฟีแล้วและมันปลอดภัยแน่นอน ชะละล่า"
นักข่าวได้ยินก็ประทับใจมาก อู้หู ตื่นเต้น และเขียนข่าวทันทีว่าเครื่องบินผ่านการทดสอบระดับสูงตาม "กฏของเมอร์ฟี"
วินาทีนั้น กฏนี้ก็ดังระเบิดทันที โดยที่ไม่มีใครรู้จริงๆว่ามันแปลว่าอะไร จนมีการอธิบายในเวลาต่อมา
และเวลาผ่านไปกฏของเมอร์ฟีก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จาก
"ถ้าอะไรจะผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะผิดพลาดแน่ๆ"
เป็น
"ถ้าอะไรจะผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะผิดพลาดแน่ๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้"
และเป็น
"ถ้าอะไรจะผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะผิดพลาดแน่ๆ หลีกเลี้ยงไม่ได้ และข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดจะเกิดก่อน"
น่าสงสารนะครับ....... อนิจจา กฏของเมอร์ฟีกลายเป็นกฏที่มีคนพูดถึงในทางลบมากที่สุด
แต่!! ความเป็นจริงเป็นยังไงบ้าง?
ในความเป็นจริงเคยมีคนศึกษาในเชิงสถิติ (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไง) แล้วสรุปออกมาว่าถ้าคุณปล่อยให้เหตุการณ์หนึ่งดำเนินไปเรื่อยๆ คุณจะเจอเรื่องร้ายๆเองเสมอ
งงมั้ยครับ?
มันแปลแถมให้อีกประโยคนึงว่า "ไม่มีใครโชคดีตั้งแต่เกิดจนตาย" หรือก็คือทำอะไรก็ทำเหอะ ไม่มีใครได้ดีตลอดหรอก
ในทางจิตวิทยานั้นพบว่าเวลาเจอคนเรื่องดีๆเรามักจะไม่หาสาเหตุ (ซึ่งอันนี้ไม่จริง หลายๆคนยุคนี้ยกความดีให้ลูกเทพไปแล้ว) แต่เมื่อเราเจอเรื่องร้ายๆเรามักจะหาตัวแทน หรืออะไรบางอย่างมาอธิบายว่าทำไมเราถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ ซึ่งกฏของเมอร์ฟีมาเป็นตัวแทนได้พอดี
แต่ถ้าเราเข้าใจว่าเรื่องร้ายๆบางเรื่องแค่เป็นจุดเล็กๆที่เราต้องผ่าน เราก็จะไม่ใช้อารมณ์กับมันและเข้าใจมันมากขึ้น
กฏของเมอร์ฟีแท้ๆ บอกไว้ว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด"
แฮปปี้กฏเมอร์ฟีนะครับ
จุ๊ๆๆๆๆๆๆ..........
เสียงจิ้งจกร้องทักขึ้นมา
แล้วก็เกิดคิดว่า เอ๊ะ จะซวยรึป่าววะ พอเดินออกจากบ้านแล้วก็พบว่านกพิราบทิ้งระเบิดใส่หัว ต้องกลับไปอาบน้ำใหม่ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูจะผิดพลาดไปหมด
รถติด ทำงานสาย นายด่า หมาไล่กัด ผัดกะเพราไม่อร่อย ป้าหน่อยทวงค่าแชร์ หกล้มได้แผลสด ไปจนถึงเจอคนตดในลิฟท์
...... แหม่ คนจะซวยนี่มันช่วยไม่ได้จริงๆ ......
ภาษาอังกฤษมีคำพูดนึงเรียกเรื่องแบบนี้ว่า
"Whatever can go wrong will go wrong"
หรือที่เรียกกันว่า "กฏของเมอร์ฟี (Murphy's law)"
แปลเป็นไทยก็คือ คนมันจะซวยก็จะซวยแน่ๆ
กฏนี้อธิบายได้ตรงตัวมาก และเป็นกฏที่น่าสงสารที่สุดตั้งแต่มีการตั้งวงการสมาคมกฏนานาชาติขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นกฏปลายแถว กฏต่ำต้อย กฏลูกเมียน้อย กฏชายขอบ กฏตกมาตรฐาน กฏถูกประนามหยามเหยียดเสียดสี กฏ.... พอเนอะ แค่นี้ก็แย่พอละ
กฏของเมอร์ฟีบอกไว้ว่า ในเหตุการณ์หนึ่งๆจะมีความเป็นไปได้ที่หลากหลายมากที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้ามีเรื่องที่ผิดพลาดหรือเลวร้ายจะเกิดขึ้น มันก็จะเกิด ห้ามไม่ได้
ประวัติการกำเนิดย้อนไปถึงหลายสิบปีก่อนนู้นนนน ที่มีวิศวกรคนนึงกำลังทำงานทดสอบระบบป้องกันภัยในเครื่องบินอยู่ แต่ปรากฏว่าผลทดสอบนั้นผิดเพี้ยนไปมาก
เมื่อทำการตรวจสอบเขาก็พบว่าผู้ช่วยของเขาเองทำการต่อวงจรผิด วิศวกรคนนั้นเลยโมโหมาก เหวี่ยงประแจลงพื้นแล้วพูดว่า "ถ้ามีโอกาสที่จะทำผิดได้หนึ่งในล้าน ผู้ช่วยของผมคนนี้แหละที่จะหามันเจอแน่ๆ"
วิศวกรคนนั้นชื่อ เมอร์ฟี
และในการประกาศข่าวเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยในเครื่องบิน ผู้แถลงข่าวก็เลยตีเนียนพูดซะเลยว่า
"เครื่องบินของเราทำการทดสอบความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นได้ตามกฏของเมอร์ฟีแล้วและมันปลอดภัยแน่นอน ชะละล่า"
นักข่าวได้ยินก็ประทับใจมาก อู้หู ตื่นเต้น และเขียนข่าวทันทีว่าเครื่องบินผ่านการทดสอบระดับสูงตาม "กฏของเมอร์ฟี"
วินาทีนั้น กฏนี้ก็ดังระเบิดทันที โดยที่ไม่มีใครรู้จริงๆว่ามันแปลว่าอะไร จนมีการอธิบายในเวลาต่อมา
และเวลาผ่านไปกฏของเมอร์ฟีก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จาก
"ถ้าอะไรจะผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะผิดพลาดแน่ๆ"
เป็น
"ถ้าอะไรจะผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะผิดพลาดแน่ๆ และหลีกเลี่ยงไม่ได้"
และเป็น
"ถ้าอะไรจะผิดพลาดขึ้นมา มันก็จะผิดพลาดแน่ๆ หลีกเลี้ยงไม่ได้ และข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุดจะเกิดก่อน"
น่าสงสารนะครับ....... อนิจจา กฏของเมอร์ฟีกลายเป็นกฏที่มีคนพูดถึงในทางลบมากที่สุด
แต่!! ความเป็นจริงเป็นยังไงบ้าง?
ในความเป็นจริงเคยมีคนศึกษาในเชิงสถิติ (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำยังไง) แล้วสรุปออกมาว่าถ้าคุณปล่อยให้เหตุการณ์หนึ่งดำเนินไปเรื่อยๆ คุณจะเจอเรื่องร้ายๆเองเสมอ
งงมั้ยครับ?
มันแปลแถมให้อีกประโยคนึงว่า "ไม่มีใครโชคดีตั้งแต่เกิดจนตาย" หรือก็คือทำอะไรก็ทำเหอะ ไม่มีใครได้ดีตลอดหรอก
ในทางจิตวิทยานั้นพบว่าเวลาเจอคนเรื่องดีๆเรามักจะไม่หาสาเหตุ (ซึ่งอันนี้ไม่จริง หลายๆคนยุคนี้ยกความดีให้ลูกเทพไปแล้ว) แต่เมื่อเราเจอเรื่องร้ายๆเรามักจะหาตัวแทน หรืออะไรบางอย่างมาอธิบายว่าทำไมเราถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้ ซึ่งกฏของเมอร์ฟีมาเป็นตัวแทนได้พอดี
หลายๆครั้งเวลาเราเจออะไรร้ายๆเราก็เผลอโทษอย่างอื่นนะครับ นิ้วก้อยชนขอบเตียงก็โทษเตียง เดินชนต้นไม้ก็โทษต้นไม้ ปากกาเขียนไม่ออกก็โทษนายก.... อุ้ยไม่ใช่
แต่ถ้าเราเข้าใจว่าเรื่องร้ายๆบางเรื่องแค่เป็นจุดเล็กๆที่เราต้องผ่าน เราก็จะไม่ใช้อารมณ์กับมันและเข้าใจมันมากขึ้น
กฏของเมอร์ฟีแท้ๆ บอกไว้ว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด"
ถ้าถึงเวลาเรื่องดีๆจะเกิดกับเรา มันก็ห้ามไม่ได้เหมือนกันจริงมั้ยครับ ถ้าเรื่องร้ายๆมันขวางเราอยู่ เรื่องดีๆก็รอให้เราเดินไปหามันเหมือนกัน
แฮปปี้กฏเมอร์ฟีนะครับ