"คีตา ออกมาเล่นกับเราไหม"
.... (คีตา)
"คีตา ออกมาเถอะ"
....(เงียบ)
"คีตา"
แอ้ดดดดด เสียงแง้มหน้าต่างที่เปิดโดยมือเล็กๆของเด็กหญิงคนหนึ่ง
ความจริงคีตานั่งอยู่หลังหน้าต่างบานนั้นและได้ยินที่เด็กชายตฤณขานชื่อเธอตั้งเเต่เเรกแล้ว
แต่ที่เธอไม่ออกมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากออกไปเล่น
แต่เพราะ .. .
"เย่ คีตา ไปว่ายน้ำกัน"
"เราว่ายไม่เป็น เธอไปเล่นกับเพื่อนเธอเถอะ"
"แต่เราอยากเล่นน้ำกับเธอจริงๆนะ แต่ถ้าเธอไม่ไป เราไปเล่นคนเดียวก็ได้"
ตฤณเดินกลับด้วยสภาพคอตก ดูหงอยๆ ซึมๆ เขาไม่เคยได้ไปว่ายน้ำกับคีตาเลยสักครั้ง แม้เขาจะมาเรียกเธอหน้าบ้านทุกวันก็ตาม
.
"แม่ไม่อยากให้คีตาเล่นน้ำนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ละไม่มีใครแถวนั้น ลูกเป็นอะไรขึ้นมา แม่จะทำยังไง" "ค่ะแม่"
คีตาขออนุญาตแม่หลายครั้งเพื่อจะไปว่ายน้ำกับตฤณ
ในขณะที่ตฤณเองก็เพียรมาเรียกคีตาหน้าบ้านทุกวัน ทุกวัน ไม่เคยมีวันไหนที่ตฤณไม่มาชวนคีตาออกไปเล่น
ตฤณและคีตาเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อเจอกันที่โรงเรียนทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันจนถูกแซวว่าเป็นแฟนกันตามประสาเด็ก
เมื่อคีตาถามว่าทำไมไม่ไปเล่นกับเพื่อนผู้ชายบ้าง ... ตฤณตอบมาว่า "อยู่กับคีตาแล้วสบายใจดี"
.
"คีตา ไปว่ายน้ำกัน"
"ได้สิ"
วันนี้เป็นวันแรกที่ตฤณรู้สึกประสบความสำเร็จหลังจากที่พยายามชวนคีตาออกมาว่ายน้ำกับเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คีตาว่ายน้ำไม่เป็น ก็คอยนั่งเอาขาจุ่มน้ำสะบัดไปมา เพราะยังกลัวว่าถ้าเกิดจมน้ำไป ตฤณก็เด็กเหมือนกันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก
"มาทางนี้สิ มาเล่นกับเราสิ"
"เรากลัวอะ"
"เชื่อเราสิ ถ้าเราอยู่เธอไม่มีทางเป็นอะไรไปหรอก"
"จริงนะ" .....
แล้วคีตาก็หย่อนตัวลงมาในสระพร้อมๆกับที่ตฤณว่ายน้ำมารับ
"เกาะโฟมไว้นะ เราจะว่ายไปพร้อมกัน"
ทั้งสองคนเล่นน้ำด้วยกันอยู่นานจนตฤณเริ่มสังเกตว่าคีตาแสดงสีหน้าเปลี่ยนไปคล้ายๆเจ็บปวด
"คีย์ เป็นอะไร"
"ปวดขา น่าจะตะคริวมั้ง"
ด้วยอาการตะคริวที่จู่โจมขึ้นมาอย่างหนักทำให้คีตาปล่อยมือจากโฟม เธอลืมตัวว่ายน้ำไม่เป็น จึงตีน้ำและพร้้อมจะจมสู่ก้นสระ ในขณะที่ตฤณพยายามเข้ามาช่วย ด้วยความตกใจคีตากดตฤณลงไป แล้วตฤณก็พยายามว่ายน้ำขึ้นมาบนขอบสระเพื่อวิ่งไปเรียกใครสักคนให้มาช่วย ในขณะที่ร่างของคีตากำลังจมดิ่งลงไปยังก้นสระ
.
"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ"
ลืมตาอีกทีคีตาเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นโรงพยาบาล
ภาพก่อนหน้านี้คือภาพที่ตฤณทิ้งเธอให้จมดิ่งแล้วตัวเขากลับหนีขึ้นฝั่ง
บางทีตฤณอาจไปตามคนมาช่วยก็ได้นะ
หรือบางทีตฤณอาจทิ้งเราไปจริงๆ
.
"แม่บอกแล้วใช่ไหม ถ้ายังว่ายน้ำไม่เป็นจะไปว่ายน้ำทำไม ทีหลังถ้าจะไปต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย"
"คีย์คงไม่ไปอีกแล้วค่ะแม่ สัญญา"
.
"คีตา เราขอโทษนะ เราคงไม่มาชวนเธอไปว่ายน้ำกับเราอีกแล้วล่ะ"
"อือ เราเองก็คงไม่ไปแล้วล่ะ"
.
"แม่จะให้ลูกไปหัดเรียนว่ายน้ำนะ จะได้ว่ายน้ำเป็น"
"ค่ะแม่"
เมื่อไปถึงสระ คีตาเห็นตฤณเล่นน้ำกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ทั้งสองว่ายน้ำเเข่งกัน เล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าตฤณจะไม่ได้ใส่ใจสายตาที่มองเขาแทบทุกอากัปกิริยาด้วยซ้ำ
"แม่คะ คีย์ไม่เรียนว่ายน้ำแล้วค่ะ ผิวจะเสีย"
"ตามใจนะลูก"
คีีตาจำต้องปดไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้กลัวผิวเสียหรอก เธอกลัวใจเสียมากกว่า
จากวันนั้นคีตาก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกไปว่ายน้ำจากตฤณอีกเลย
เธอได้แต่เล่นตุ๊กตา หรือวาดภาพคนเดียวอยู่ข้างหน้าต่าง
ข้างหน้าต่างกลายเป็นที่ประจำของคีตาไปเสียเเล้ว
จะว่านั่งเพื่อสูดอากาศหรือชมท้องฟ้าก็ไม่ใช่ เพราะเธอปิดหน้าต่างลั่นกลอนเเน่นหนาตลอด
แต่ก็เหมือนว่าเธอกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
บ่อยครั้งที่มีคนมาเรียกหา
.
"ยังไม่รู้จักกันดีเลย จะขานตอบหรือให้เข้าบ้านก็ใช่เรื่อง"
.
บางคนเรียกขานเพื่อมาเสนอเครื่องกรองน้ำ
บางคนเรียกขานเพราะผ่านมาเฉยๆ
บางคนเรียกขานเพราะอยากทำความรู้จักกับเด็กหญิงเจ้าของบ้าน
แต่
ไม่ว่าจะอย่างไร เธอคงไม่เปิดหน้าต่างบานนั้นเพื่อขานรับใครเข้ามาในใจของเธออีก . . .
ไม่ว่าเสียงเรียกขานนั้นจะดังเพียงใดก็ตาม . . .
.... (คีตา)
"คีตา ออกมาเถอะ"
....(เงียบ)
"คีตา"
แอ้ดดดดด เสียงแง้มหน้าต่างที่เปิดโดยมือเล็กๆของเด็กหญิงคนหนึ่ง
ความจริงคีตานั่งอยู่หลังหน้าต่างบานนั้นและได้ยินที่เด็กชายตฤณขานชื่อเธอตั้งเเต่เเรกแล้ว
แต่ที่เธอไม่ออกมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากออกไปเล่น
แต่เพราะ .. .
"เย่ คีตา ไปว่ายน้ำกัน"
"เราว่ายไม่เป็น เธอไปเล่นกับเพื่อนเธอเถอะ"
"แต่เราอยากเล่นน้ำกับเธอจริงๆนะ แต่ถ้าเธอไม่ไป เราไปเล่นคนเดียวก็ได้"
ตฤณเดินกลับด้วยสภาพคอตก ดูหงอยๆ ซึมๆ เขาไม่เคยได้ไปว่ายน้ำกับคีตาเลยสักครั้ง แม้เขาจะมาเรียกเธอหน้าบ้านทุกวันก็ตาม
.
"แม่ไม่อยากให้คีตาเล่นน้ำนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ละไม่มีใครแถวนั้น ลูกเป็นอะไรขึ้นมา แม่จะทำยังไง" "ค่ะแม่"
คีตาขออนุญาตแม่หลายครั้งเพื่อจะไปว่ายน้ำกับตฤณ
ในขณะที่ตฤณเองก็เพียรมาเรียกคีตาหน้าบ้านทุกวัน ทุกวัน ไม่เคยมีวันไหนที่ตฤณไม่มาชวนคีตาออกไปเล่น
ตฤณและคีตาเป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อเจอกันที่โรงเรียนทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันจนถูกแซวว่าเป็นแฟนกันตามประสาเด็ก
เมื่อคีตาถามว่าทำไมไม่ไปเล่นกับเพื่อนผู้ชายบ้าง ... ตฤณตอบมาว่า "อยู่กับคีตาแล้วสบายใจดี"
.
"คีตา ไปว่ายน้ำกัน"
"ได้สิ"
วันนี้เป็นวันแรกที่ตฤณรู้สึกประสบความสำเร็จหลังจากที่พยายามชวนคีตาออกมาว่ายน้ำกับเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คีตาว่ายน้ำไม่เป็น ก็คอยนั่งเอาขาจุ่มน้ำสะบัดไปมา เพราะยังกลัวว่าถ้าเกิดจมน้ำไป ตฤณก็เด็กเหมือนกันคงช่วยอะไรไม่ได้มาก
"มาทางนี้สิ มาเล่นกับเราสิ"
"เรากลัวอะ"
"เชื่อเราสิ ถ้าเราอยู่เธอไม่มีทางเป็นอะไรไปหรอก"
"จริงนะ" .....
แล้วคีตาก็หย่อนตัวลงมาในสระพร้อมๆกับที่ตฤณว่ายน้ำมารับ
"เกาะโฟมไว้นะ เราจะว่ายไปพร้อมกัน"
ทั้งสองคนเล่นน้ำด้วยกันอยู่นานจนตฤณเริ่มสังเกตว่าคีตาแสดงสีหน้าเปลี่ยนไปคล้ายๆเจ็บปวด
"คีย์ เป็นอะไร"
"ปวดขา น่าจะตะคริวมั้ง"
ด้วยอาการตะคริวที่จู่โจมขึ้นมาอย่างหนักทำให้คีตาปล่อยมือจากโฟม เธอลืมตัวว่ายน้ำไม่เป็น จึงตีน้ำและพร้้อมจะจมสู่ก้นสระ ในขณะที่ตฤณพยายามเข้ามาช่วย ด้วยความตกใจคีตากดตฤณลงไป แล้วตฤณก็พยายามว่ายน้ำขึ้นมาบนขอบสระเพื่อวิ่งไปเรียกใครสักคนให้มาช่วย ในขณะที่ร่างของคีตากำลังจมดิ่งลงไปยังก้นสระ
.
"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ"
ลืมตาอีกทีคีตาเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นโรงพยาบาล
ภาพก่อนหน้านี้คือภาพที่ตฤณทิ้งเธอให้จมดิ่งแล้วตัวเขากลับหนีขึ้นฝั่ง
บางทีตฤณอาจไปตามคนมาช่วยก็ได้นะ
หรือบางทีตฤณอาจทิ้งเราไปจริงๆ
.
"แม่บอกแล้วใช่ไหม ถ้ายังว่ายน้ำไม่เป็นจะไปว่ายน้ำทำไม ทีหลังถ้าจะไปต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย"
"คีย์คงไม่ไปอีกแล้วค่ะแม่ สัญญา"
.
"คีตา เราขอโทษนะ เราคงไม่มาชวนเธอไปว่ายน้ำกับเราอีกแล้วล่ะ"
"อือ เราเองก็คงไม่ไปแล้วล่ะ"
.
"แม่จะให้ลูกไปหัดเรียนว่ายน้ำนะ จะได้ว่ายน้ำเป็น"
"ค่ะแม่"
เมื่อไปถึงสระ คีตาเห็นตฤณเล่นน้ำกับเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอ ทั้งสองว่ายน้ำเเข่งกัน เล่นน้ำด้วยกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนว่าตฤณจะไม่ได้ใส่ใจสายตาที่มองเขาแทบทุกอากัปกิริยาด้วยซ้ำ
"แม่คะ คีย์ไม่เรียนว่ายน้ำแล้วค่ะ ผิวจะเสีย"
"ตามใจนะลูก"
คีีตาจำต้องปดไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้กลัวผิวเสียหรอก เธอกลัวใจเสียมากกว่า
จากวันนั้นคีตาก็ไม่ได้ยินเสียงเรียกไปว่ายน้ำจากตฤณอีกเลย
เธอได้แต่เล่นตุ๊กตา หรือวาดภาพคนเดียวอยู่ข้างหน้าต่าง
ข้างหน้าต่างกลายเป็นที่ประจำของคีตาไปเสียเเล้ว
จะว่านั่งเพื่อสูดอากาศหรือชมท้องฟ้าก็ไม่ใช่ เพราะเธอปิดหน้าต่างลั่นกลอนเเน่นหนาตลอด
แต่ก็เหมือนว่าเธอกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
บ่อยครั้งที่มีคนมาเรียกหา
.
"ยังไม่รู้จักกันดีเลย จะขานตอบหรือให้เข้าบ้านก็ใช่เรื่อง"
.
บางคนเรียกขานเพื่อมาเสนอเครื่องกรองน้ำ
บางคนเรียกขานเพราะผ่านมาเฉยๆ
บางคนเรียกขานเพราะอยากทำความรู้จักกับเด็กหญิงเจ้าของบ้าน
แต่
ไม่ว่าจะอย่างไร เธอคงไม่เปิดหน้าต่างบานนั้นเพื่อขานรับใครเข้ามาในใจของเธออีก . . .
ไม่ว่าเสียงเรียกขานนั้นจะดังเพียงใดก็ตาม . . .