
1
"เพราะมันเห็นพระอาทิตย์ตกดิน"
คล้ายคำตอบของคนโง่, เมื่อเธอถามถึงเหตุผลในการเลือกห้องพักครั้งนี้ แทนที่จะดูขนาดของห้อง จำนวนเฟอร์นิเจอร์ที่มี หรือเคเบิลทีวีประจำหอพัก ผมกลับเอาความรื่นรมย์ทางสายตามาชี้ทางที่อยู่อาศัย
ก็รัก ก็ชอบเวลาได้มองสีส้มของดวงตะวันสาดแสงไปทั่วท้องฟ้ายามเย็น มันเป็นความงดงามอย่างหนึ่งที่คนเราสามารถสัมผัสได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องไขว่คว้าหรือแสวงหาจากที่ไหนไกล นั่งมองท้องฟ้าทีไรแล้วผมรู้สึกราวกับว่าความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยและเบาบางเหลือเกิน
เวลาของความเศร้าโศกน่ะเอาไว้ทีหลังเถอะไอ้หนุ่ม มานั่งลง ซึมซับบรรยากาศท้องฟ้าตรงนี้ก่อน
เธอไม่ได้หลงไหลในแสงตะวันมากเท่ากับผม มีช่วงวันแรกๆ ที่มาอยู่เท่านั้นที่เธอเอ่ยออกมาว่ามันสวย และชวนผมออกไปนั่งกินข้าวเย็นริมระเบียงด้วยกัน แต่นับจากวันนั้นเราก็แทบจะไม่เคยไปนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยกันอีกเลย
กว่าที่เธอจะเลิกงานฟ้าก็มืด และบางวันผมก็มัวแต่กินเหล้ากับเพื่อน กว่าจะกลับก็ดึกดื่นมืดค่ำ
เธอไม่เคยว่าผมเรื่องเหล้า ทั้งที่เราต่างก็รู้กันอยู่ว่าเธอไม่เคยชอบ
พื้นที่ว่างในห้องเริ่มถูกเติมเต็มด้วยรองเท้า เสื้อผ้าของเธอ ก็เป็นความชอบ ความหลงไหล จะให้ผมว่าเธอได้อย่างไร เพราะโต๊ะของผมก็เต็มไปด้วยหนังสือและม้วนฟิล์ม แม้จะบ่นอยู่บ้างที่เงินในแต่ละเดือนของผมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งเหล่านี้ (รวมถึงเหล้า เบียร์) แต่เธอก็ไม่เคยห้ามอีกเช่นกัน
ทว่าเมื่อมาถึงเรื่องเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้า คำถามของเธอเหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปบนผิวหนัง เมื่อคำตอบที่ผมค้นพบมีเพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งรูปเงาให้จับต้อง
ผมหวนคิดถึงสารพัดสิ่งที่เธอเคยถาม เรียนต่อไหม? - ยังก่อน เบื่อบรรยากาศในห้องเรียน / หาอะไรทำเป็นอาชีพเสริมไหม ? - ไม่ ยังอยากมีเวลาว่าง / ขายตรงล่ะ ? - โคตรเกลียดเลย / ขายของออนไลน์ล่ะ ? - ไม่เหมาะกับเราหรอก
เธอวาดฝัน เอาใจใส่ และกระตือรือร้นขวนขวายตลอดเวลา ในขณะที่ผมเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่สนใจ มองเห็นแค่เพียงปัจจุบันขณะอันหลักลอย ไม่เคยคิดใส่ใจหนทางข้างหน้า
ที่จริงก็คิดอยู่บ้าง เพียงแต่มันเป็นแค่อนาคตอันใกล้แค่ไม่กี่เดือน ด้วยสายตาผมไม่ได้กว้างไกลพอที่จะมองเห็นภาพการแต่งงาน มีรถหรู มีบ้านหลังใหญ่โต หรือวางแผนสร้างครอบครัวมีลูกมีหลาน
ก็ใครตัดสินขีดเขียนว่านั่นเป็นทางเดียวไปสู่คำว่าชีวิตที่ดี
2
ยังไม่มีคำตอบให้เรื่องอนาคต สิ่งเดียวที่ผมพอจะสัญญาได้ คือเราจะยังรักกัน
แล้วความรักอย่างเดียวมันพอหรือเปล่า ในโลกสมัยใหม่ ผมรู้สึกกดดันบีบคั้นด้วยความคาดหวังอย่างบอกไม่ถูก
ชีวิตที่ดีมันคืออะไร ?
เส้นทางชีวิตของผู้คนดำเนินไปอย่างไรบ้าง หาเงินแต่งงาน ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ส่งลูกเรียน เรื่องเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ประเภทนึกจะทำก็ทำกันได้เลยโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
เดินด้วยกัน เธอมักจะชี้ชวนให้ดูเสื้อผ้าและรองเท้าสวยๆ ไว้ใส่ ในขณะที่ผมมักจะตอบแค่ว่า ของเก่าก็ยังใส่ได้ จะซื้อใหม่ทำไม
มีรายได้แค่ไหนก็ใช้จ่ายแค่นั้นไม่ดีกว่าหรือ
กระนั้นก็เถอะ ถึงจะคิด แต่ก็ใช่ว่าผมจะทำได้ดี
เดือนแล้วเดือนเล่าที่ฝันใฝ่ตั้งใจว่าจะเก็บเงินให้ได้สักก้อน สุดท้ายแล้วก็ล้มเหลวเรื่อยไป รอคอยความหวังในเดือนใหม่อยู่อย่างนั้น, เหล้าที่ตั้งใจว่าจะลดละ แต่บทสนทนาระหว่างมิตรสหายก็มักจะชักนำลากพาเราจนดึกดื่นค่อนคืน, รวมถึงงานเขียนที่พยายามให้เวลา แต่ผลลัพธ์บั้นปลายที่ออกมาก็ไม่ได้ดังใจสักเท่าไหร่
ผมรู้ดีว่าผมไม่ใช่มืออาชีพเรื่องความสัมพันธ์ ก็หลายครั้งหลายหนแล้วที่เรื่องรักก่อนหน้านี้ของผมพังไม่เป็นท่า สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากความไม่เอาไหนในชีวิต
3
อนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร, ผมเกิดนึกสงสัยขึ้นมาในวันหนึ่ง
เราอาจจะแต่งงานกัน ผมอาจจะเก็บเงินสักก้อนหนึ่งไปขอเธอ งานแต่งงานของเราจะจัดพิธีบนชั้น 18 ของโรงแรมหรูย่านสุขุมวิท แขกเหรื่อและบรรดาญาติผู้ใหญ่มากันล้นหลาม เราสองเดินทักทายโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ด้วยความเป็นกันเอง
หรือไม่ ผมอาจจะนั่งลงพูดคุยขอร้องให้งานแต่งงานระหว่างเรา เป็นไปตามความต้องการของเราได้ไหม ไม่ต้องเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือนักการเมืองอื่นใดที่เราไม่รู้จักมาเป็นประธานในพิธี ไม่ต้องมีวงดนตรีที่สร้างเสียงอึกทึกครึกโคมจนเพื่อนบ้านรำคาญหู ไม่ต้องเตรียมโต๊ะจีนมากนักหรอก ชั่วชีวิตหนึ่งเรามีเพื่อน มีญาติพี่น้องที่เราสนิทชิดใกล้สักกี่คนกันเชียว และอย่ามีเวทีเลย ทำไมเราต้องบอกคนอื่นว่าเรารักกัน กระซิบบอกเบาๆ ระหว่างเราก็รับรู้แล้วมิใช่หรือ อย่าไปกลัวเสียชื่อ เสียหน้าเลย ก็ชีวิตนี้เป็นของเรา จะทำ-ไม่ทำอะไร คือสิทธิ์ของเรามิใช่หรือ
อนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร
อาจบางที ในวันหนึ่ง สุดท้ายแล้วเธอก็ทนกับนิสัยและความเป็นคนเข้าถึงได้ยากของผมไม่ไหว เธอเลือกที่จะเก็บข้าวของเสื้อผ้าใส่กระเป๋าและเดินจากไปในเช้าวันเสาร์ ทิ้งให้ผมอยู่เพียงลำพังกับห้องเหงาๆ และริมระเบียงที่เต็มไปด้วยม่านฝนที่ซัดสาดรูปเงาความฝันของเราไม่เหลือเศษซาก
อนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร
สักวันหนึ่งเธอคงได้กลับบ้านบ้านต่างจังหวัด แล้วเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตามที่ใจวาดหวัง มันอาจกลายเป็นร้านที่เป็นที่นิยมและผู้คนต่างพูดถึง ชื่นชมในคุณภาพเมล็ดกาแฟและความเอาใจใส่ของเธอ หรือมันอาจเป็นร้านที่ต้องปิดตัวลงภายในเวลาไม่กี่เดือน เนื่องด้วยความเงียบเหงาร้างไร้ผู้คน
ส่วนผมก็อาจนั่งลงที่โต๊ะริมระเบียงและทำงานเขียนไปเรื่อยๆ มันอาจกลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับร้านหนังสือชื่อดัง หรือมันอาจเป็นเพียงขยะวรรณกรรมที่จมสันปกอยู่ในร้านหนังสือมือสองที่ไม่มีใครสนใจ
4
"มีความสุขดีไหม" ผมถาม
เธอพยักหน้าแล้วยิ้ม ใบหน้าของเธองดงามยามมีแสงอาทิตย์เป็นฉากหลัง มันอาจเป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
อนาคตยังมาไม่ถึง จริงอยู่ แต่ผมก็อดกังวลไม่ได้ถึงวันพรุ่งนี้
ว่าเราจะยังดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันอีกไหม.
"เพราะมันเห็นพระอาทิตย์ตกดิน"
คล้ายคำตอบของคนโง่, เมื่อเธอถามถึงเหตุผลในการเลือกห้องพักครั้งนี้ แทนที่จะดูขนาดของห้อง จำนวนเฟอร์นิเจอร์ที่มี หรือเคเบิลทีวีประจำหอพัก ผมกลับเอาความรื่นรมย์ทางสายตามาชี้ทางที่อยู่อาศัย
ก็รัก ก็ชอบเวลาได้มองสีส้มของดวงตะวันสาดแสงไปทั่วท้องฟ้ายามเย็น มันเป็นความงดงามอย่างหนึ่งที่คนเราสามารถสัมผัสได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องไขว่คว้าหรือแสวงหาจากที่ไหนไกล นั่งมองท้องฟ้าทีไรแล้วผมรู้สึกราวกับว่าความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยและเบาบางเหลือเกิน
เวลาของความเศร้าโศกน่ะเอาไว้ทีหลังเถอะไอ้หนุ่ม มานั่งลง ซึมซับบรรยากาศท้องฟ้าตรงนี้ก่อน
เธอไม่ได้หลงไหลในแสงตะวันมากเท่ากับผม มีช่วงวันแรกๆ ที่มาอยู่เท่านั้นที่เธอเอ่ยออกมาว่ามันสวย และชวนผมออกไปนั่งกินข้าวเย็นริมระเบียงด้วยกัน แต่นับจากวันนั้นเราก็แทบจะไม่เคยไปนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยกันอีกเลย
กว่าที่เธอจะเลิกงานฟ้าก็มืด และบางวันผมก็มัวแต่กินเหล้ากับเพื่อน กว่าจะกลับก็ดึกดื่นมืดค่ำ
เธอไม่เคยว่าผมเรื่องเหล้า ทั้งที่เราต่างก็รู้กันอยู่ว่าเธอไม่เคยชอบ
พื้นที่ว่างในห้องเริ่มถูกเติมเต็มด้วยรองเท้า เสื้อผ้าของเธอ ก็เป็นความชอบ ความหลงไหล จะให้ผมว่าเธอได้อย่างไร เพราะโต๊ะของผมก็เต็มไปด้วยหนังสือและม้วนฟิล์ม แม้จะบ่นอยู่บ้างที่เงินในแต่ละเดือนของผมใช้จ่ายฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งเหล่านี้ (รวมถึงเหล้า เบียร์) แต่เธอก็ไม่เคยห้ามอีกเช่นกัน
ทว่าเมื่อมาถึงเรื่องเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้า คำถามของเธอเหมือนมีดที่กรีดลึกลงไปบนผิวหนัง เมื่อคำตอบที่ผมค้นพบมีเพียงความว่างเปล่า ไร้ซึ่งรูปเงาให้จับต้อง
ผมหวนคิดถึงสารพัดสิ่งที่เธอเคยถาม เรียนต่อไหม? - ยังก่อน เบื่อบรรยากาศในห้องเรียน / หาอะไรทำเป็นอาชีพเสริมไหม ? - ไม่ ยังอยากมีเวลาว่าง / ขายตรงล่ะ ? - โคตรเกลียดเลย / ขายของออนไลน์ล่ะ ? - ไม่เหมาะกับเราหรอก
เธอวาดฝัน เอาใจใส่ และกระตือรือร้นขวนขวายตลอดเวลา ในขณะที่ผมเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่สนใจ มองเห็นแค่เพียงปัจจุบันขณะอันหลักลอย ไม่เคยคิดใส่ใจหนทางข้างหน้า
ที่จริงก็คิดอยู่บ้าง เพียงแต่มันเป็นแค่อนาคตอันใกล้แค่ไม่กี่เดือน ด้วยสายตาผมไม่ได้กว้างไกลพอที่จะมองเห็นภาพการแต่งงาน มีรถหรู มีบ้านหลังใหญ่โต หรือวางแผนสร้างครอบครัวมีลูกมีหลาน
ก็ใครตัดสินขีดเขียนว่านั่นเป็นทางเดียวไปสู่คำว่าชีวิตที่ดี
2
ยังไม่มีคำตอบให้เรื่องอนาคต สิ่งเดียวที่ผมพอจะสัญญาได้ คือเราจะยังรักกัน
แล้วความรักอย่างเดียวมันพอหรือเปล่า ในโลกสมัยใหม่ ผมรู้สึกกดดันบีบคั้นด้วยความคาดหวังอย่างบอกไม่ถูก
ชีวิตที่ดีมันคืออะไร ?
เส้นทางชีวิตของผู้คนดำเนินไปอย่างไรบ้าง หาเงินแต่งงาน ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ส่งลูกเรียน เรื่องเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ประเภทนึกจะทำก็ทำกันได้เลยโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
เดินด้วยกัน เธอมักจะชี้ชวนให้ดูเสื้อผ้าและรองเท้าสวยๆ ไว้ใส่ ในขณะที่ผมมักจะตอบแค่ว่า ของเก่าก็ยังใส่ได้ จะซื้อใหม่ทำไม
มีรายได้แค่ไหนก็ใช้จ่ายแค่นั้นไม่ดีกว่าหรือ
กระนั้นก็เถอะ ถึงจะคิด แต่ก็ใช่ว่าผมจะทำได้ดี
เดือนแล้วเดือนเล่าที่ฝันใฝ่ตั้งใจว่าจะเก็บเงินให้ได้สักก้อน สุดท้ายแล้วก็ล้มเหลวเรื่อยไป รอคอยความหวังในเดือนใหม่อยู่อย่างนั้น, เหล้าที่ตั้งใจว่าจะลดละ แต่บทสนทนาระหว่างมิตรสหายก็มักจะชักนำลากพาเราจนดึกดื่นค่อนคืน, รวมถึงงานเขียนที่พยายามให้เวลา แต่ผลลัพธ์บั้นปลายที่ออกมาก็ไม่ได้ดังใจสักเท่าไหร่
ผมรู้ดีว่าผมไม่ใช่มืออาชีพเรื่องความสัมพันธ์ ก็หลายครั้งหลายหนแล้วที่เรื่องรักก่อนหน้านี้ของผมพังไม่เป็นท่า สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากความไม่เอาไหนในชีวิต
3
อนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร, ผมเกิดนึกสงสัยขึ้นมาในวันหนึ่ง
เราอาจจะแต่งงานกัน ผมอาจจะเก็บเงินสักก้อนหนึ่งไปขอเธอ งานแต่งงานของเราจะจัดพิธีบนชั้น 18 ของโรงแรมหรูย่านสุขุมวิท แขกเหรื่อและบรรดาญาติผู้ใหญ่มากันล้นหลาม เราสองเดินทักทายโต๊ะนั้นโต๊ะนี้ด้วยความเป็นกันเอง
หรือไม่ ผมอาจจะนั่งลงพูดคุยขอร้องให้งานแต่งงานระหว่างเรา เป็นไปตามความต้องการของเราได้ไหม ไม่ต้องเชิญกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือนักการเมืองอื่นใดที่เราไม่รู้จักมาเป็นประธานในพิธี ไม่ต้องมีวงดนตรีที่สร้างเสียงอึกทึกครึกโคมจนเพื่อนบ้านรำคาญหู ไม่ต้องเตรียมโต๊ะจีนมากนักหรอก ชั่วชีวิตหนึ่งเรามีเพื่อน มีญาติพี่น้องที่เราสนิทชิดใกล้สักกี่คนกันเชียว และอย่ามีเวทีเลย ทำไมเราต้องบอกคนอื่นว่าเรารักกัน กระซิบบอกเบาๆ ระหว่างเราก็รับรู้แล้วมิใช่หรือ อย่าไปกลัวเสียชื่อ เสียหน้าเลย ก็ชีวิตนี้เป็นของเรา จะทำ-ไม่ทำอะไร คือสิทธิ์ของเรามิใช่หรือ
อนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร
อาจบางที ในวันหนึ่ง สุดท้ายแล้วเธอก็ทนกับนิสัยและความเป็นคนเข้าถึงได้ยากของผมไม่ไหว เธอเลือกที่จะเก็บข้าวของเสื้อผ้าใส่กระเป๋าและเดินจากไปในเช้าวันเสาร์ ทิ้งให้ผมอยู่เพียงลำพังกับห้องเหงาๆ และริมระเบียงที่เต็มไปด้วยม่านฝนที่ซัดสาดรูปเงาความฝันของเราไม่เหลือเศษซาก
อนาคตของเราจะเป็นไปอย่างไร
สักวันหนึ่งเธอคงได้กลับบ้านบ้านต่างจังหวัด แล้วเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตามที่ใจวาดหวัง มันอาจกลายเป็นร้านที่เป็นที่นิยมและผู้คนต่างพูดถึง ชื่นชมในคุณภาพเมล็ดกาแฟและความเอาใจใส่ของเธอ หรือมันอาจเป็นร้านที่ต้องปิดตัวลงภายในเวลาไม่กี่เดือน เนื่องด้วยความเงียบเหงาร้างไร้ผู้คน
ส่วนผมก็อาจนั่งลงที่โต๊ะริมระเบียงและทำงานเขียนไปเรื่อยๆ มันอาจกลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับร้านหนังสือชื่อดัง หรือมันอาจเป็นเพียงขยะวรรณกรรมที่จมสันปกอยู่ในร้านหนังสือมือสองที่ไม่มีใครสนใจ
4
"มีความสุขดีไหม" ผมถาม
เธอพยักหน้าแล้วยิ้ม ใบหน้าของเธองดงามยามมีแสงอาทิตย์เป็นฉากหลัง มันอาจเป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา
อนาคตยังมาไม่ถึง จริงอยู่ แต่ผมก็อดกังวลไม่ได้ถึงวันพรุ่งนี้
ว่าเราจะยังดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันอีกไหม.
Comments
5W1H
6 years ago
ตัวหนังสือของเธอ ยังคงเป็นตัวหนังสือของเธอ
ความรู้สึกในนั้น เราคิดว่าเรารับรู้ได้ ไม่ว่าสิ่งที่เรารู้สึก จะใช่สิ่งที่เธอรู้สึกหรือไม่ก็ตาม
ขอบคุณที่เขียนมาให้ได้อ่าน
มันยังดีเหมือนเดิม
..คิดว่าดีกว่าเดิมด้วย
ความรู้สึกในนั้น เราคิดว่าเรารับรู้ได้ ไม่ว่าสิ่งที่เรารู้สึก จะใช่สิ่งที่เธอรู้สึกหรือไม่ก็ตาม
ขอบคุณที่เขียนมาให้ได้อ่าน
มันยังดีเหมือนเดิม
..คิดว่าดีกว่าเดิมด้วย
Reply
passwayofwind
6 years ago
มัวแต่นั่งเขียนนั่งคิด ก็จูงมือไปดูพระอาทิตย์เลยสิคะ ดูไม่ทันก็แก้ผ้าเล่นน้ำฝนกันเล้ยยยย
//เขียนได้งดงามดีจังค่ะ
//เขียนได้งดงามดีจังค่ะ
Reply