
ขอเกริ่นเกี่ยวกับเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าซักนิดนะครับ เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของผมจากงานวิ่งเทรลงานหนึ่ง (วิ่งเทรล - จริงๆก็คือการวิ่งนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้วิ่งบนพื้นถนนในเมืองเหมือนงานทั่วๆไป แต่เป็นการวิ่งบนภูมิประเทศที่แตกต่างออกไป เช่น ขึ้น-ลงเขา ทางลูกรัง เข้าป่าบ้าง ใครที่เคยเดินขึ้นภูกระดึงจะจินตนาการเป็นประมาณนั้นก็ได้ เพียงแต่งานนี้ไม่โหดขนาดนั้น)
หลังจากเปลี่ยนความตั้งใจ เลยต้องมาเปลี่ยนวิธีการวิ่งใหม่ โดยตั้งใจว่าจะวิ่งยังไงก็ได้ ให้หลังจากจบแล้วไม่มีอาการบาดเจ็บ และสามารถยังวิ่งต่อได้อีกหลังจากจบ โดยที่เวลาไม่ได้น่าเกลียดมาก (จริงๆแล้วแอบตั้งเป้าหมายในใจไว้ด้วยว่าอยากจบสนามนี้ด้วยเวลาต่ำกว่า 6 ชม. เพราะดูแล้วน่าจะเป็นไปได้ โดยอ้างอิงจากเวลาที่เคยวิ่งได้ที่งานทุ่งแสลงหลวงเทรล 42K ความชันสะสม 7xx เมตร ใช้เวลาไปประมาณ 4:20 ชม. เลยคิดว่ามาที่นี่ ต่ำกว่า 6 ชม.น่าจะพอลุ้นได้)
0 – 10K
ออกจากจุดสตาร์ทเวลา 5:15 น. พร้อมกับ 50K solo ชุดแรก อุณหภูมิตอนนั้น 19 องศา ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท หลังจากเสียงแตรปล่อยตัวดังขึ้น ผมเปิด headlamp และวิ่งตามความเร็วของตัวเองไปเรื่อยๆ และมีสมาธิอยู่กับพื้นข้างหน้าตลอดเวลาเพราะทางค่อนข้างมืด ถ้าไม่ระวังอาจจะข้อเท้าพลิกได้ง่ายๆ ผมวิ่งไปได้ซักประมาณ 7-8 K เจอ Vlad Ixel (นักวิ่งอาชีพชาวออสเตรเลีย และเป็นแชมป์ในระยะนี้ปีนี้ด้วย) วิ่งแซงไปทางด้านซ้าย ทั้งๆที่เค้าออกตัวช้ากว่า 15 นาที ผมคิดในใจ.. โคตรเร็วเลยเว้ย สมเป็น elite จริงๆ (และยังมารู้ทีหลังว่าเค้าหลงไปประมาณ 3K ในช่วง 15K แรก แต่ยังกลับมาเป็นแชมป์ได้ และเวลาห่างจากรองแชมป์ 7 นาที.. สุดยอด)
ออกจากจุดสตาร์ทเวลา 5:15 น. พร้อมกับ 50K solo ชุดแรก อุณหภูมิตอนนั้น 19 องศา ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท หลังจากเสียงแตรปล่อยตัวดังขึ้น ผมเปิด headlamp และวิ่งตามความเร็วของตัวเองไปเรื่อยๆ และมีสมาธิอยู่กับพื้นข้างหน้าตลอดเวลาเพราะทางค่อนข้างมืด ถ้าไม่ระวังอาจจะข้อเท้าพลิกได้ง่ายๆ ผมวิ่งไปได้ซักประมาณ 7-8 K เจอ Vlad Ixel (นักวิ่งอาชีพชาวออสเตรเลีย และเป็นแชมป์ในระยะนี้ปีนี้ด้วย) วิ่งแซงไปทางด้านซ้าย ทั้งๆที่เค้าออกตัวช้ากว่า 15 นาที ผมคิดในใจ.. โคตรเร็วเลยเว้ย สมเป็น elite จริงๆ (และยังมารู้ทีหลังว่าเค้าหลงไปประมาณ 3K ในช่วง 15K แรก แต่ยังกลับมาเป็นแชมป์ได้ และเวลาห่างจากรองแชมป์ 7 นาที.. สุดยอด)
10 – 20K
เวลาประมาณ 6 โมงนิดๆ อากาศเย็นสบาย ผมยังคงวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ ยังไม่รู้สึกเหนื่อยหรือหอบอย่างชัดเจน แต่ที่สังเกตตัวเองได้อย่างนึงคือกินน้ำ-เกลือแร่น้อยมาก (อาจเป็นเพราะอากาศค่อนข้างเย็น) พอคิดได้เลยพยายามจิบน้ำเข้าไปเรื่อยๆเพราะกลัวจะ dehydrated โดยไม่รู้ตัวซะก่อน ช่วงนี้จำได้ว่าข้างทางมีกิ่งไม้-หนามเยอะมาก ผมเองนี่โดนเกี่ยวไปหลายแผลเต็มขาเลย แผลยาวสุดน่าจะประมาณ 10 cm ได้ จำได้ว่าตอนนั้นตั้งใจลุยต้นนี้เลย พอโดนเกี่ยว ครืดดด.. เท่านั้นแหละ รู้สึกผิดกับตัวเองขึ้นมาเลย ฮ่าๆๆ
เวลาประมาณ 6 โมงนิดๆ อากาศเย็นสบาย ผมยังคงวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ ยังไม่รู้สึกเหนื่อยหรือหอบอย่างชัดเจน แต่ที่สังเกตตัวเองได้อย่างนึงคือกินน้ำ-เกลือแร่น้อยมาก (อาจเป็นเพราะอากาศค่อนข้างเย็น) พอคิดได้เลยพยายามจิบน้ำเข้าไปเรื่อยๆเพราะกลัวจะ dehydrated โดยไม่รู้ตัวซะก่อน ช่วงนี้จำได้ว่าข้างทางมีกิ่งไม้-หนามเยอะมาก ผมเองนี่โดนเกี่ยวไปหลายแผลเต็มขาเลย แผลยาวสุดน่าจะประมาณ 10 cm ได้ จำได้ว่าตอนนั้นตั้งใจลุยต้นนี้เลย พอโดนเกี่ยว ครืดดด.. เท่านั้นแหละ รู้สึกผิดกับตัวเองขึ้นมาเลย ฮ่าๆๆ
20 – 30K
ช่วงนี้แหละครับ ความลำบากเริ่มมาเยือน เริ่มจากปวดท้อง(ถ่ายหนัก) ผมพยายามรวบรวมสมาธิต่อสู้กับมันอยู่พักนึง สุดท้ายพ่ายแพ้ เลยต้องยอมเคลียร์ธุระข้างทางแป๊ปนึง.. เสร็จเรียบร้อยวิ่งมาเจอทางเลี้ยวเข้าไป CP (check point) ผมเติมน้ำและเกลือแร่ก่อนเลี้ยวเข้าไป หลังจากเติมเสร็จ มาคิดได้ว่านี่จะกำลังจะวนเข้าไปที่ CP เดี๋ยวก็ออกมาแล้ว จะเติมน้ำไปทำไมเยอะแยะให้หนักเปล่าๆ หลังจากที่คิดได้ก็เลยเทน้ำออกจากขวดครึ่งนึง (เหลือประมาณ 500 mL จากที่เติมไป 1L) และวิ่งต่อไป วิ่งมาได้ซักพักเจอ Vlad วิ่งสวนกลับมา ทักทายกันนิดหน่อย แต่ตอนนั้นยังจินตนาการไม่ออกว่าเค้านำหน้าผมอยู่ไกลขนาดไหน
ความลำบากอย่างที่สองเกิดขึ้นหลังจากเทน้ำออกครับ เพราะ CP นี้อยู่บนเขา อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับออกมาที่จุดเติมน้ำอีกครั้ง แต่คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นไป ใช้น้ำที่มีอย่างประหยัด ช่วงนี้จำได้ว่ามีคนนึงวิ่งแซงไป หลังจากผ่าน CP เป็นทางลงเขา เค้า downhill เร็วมากกก ผมเลยได้โอกาสตามเค้าไปเรื่อยๆ
ช่วงนี้แหละครับ ความลำบากเริ่มมาเยือน เริ่มจากปวดท้อง(ถ่ายหนัก) ผมพยายามรวบรวมสมาธิต่อสู้กับมันอยู่พักนึง สุดท้ายพ่ายแพ้ เลยต้องยอมเคลียร์ธุระข้างทางแป๊ปนึง.. เสร็จเรียบร้อยวิ่งมาเจอทางเลี้ยวเข้าไป CP (check point) ผมเติมน้ำและเกลือแร่ก่อนเลี้ยวเข้าไป หลังจากเติมเสร็จ มาคิดได้ว่านี่จะกำลังจะวนเข้าไปที่ CP เดี๋ยวก็ออกมาแล้ว จะเติมน้ำไปทำไมเยอะแยะให้หนักเปล่าๆ หลังจากที่คิดได้ก็เลยเทน้ำออกจากขวดครึ่งนึง (เหลือประมาณ 500 mL จากที่เติมไป 1L) และวิ่งต่อไป วิ่งมาได้ซักพักเจอ Vlad วิ่งสวนกลับมา ทักทายกันนิดหน่อย แต่ตอนนั้นยังจินตนาการไม่ออกว่าเค้านำหน้าผมอยู่ไกลขนาดไหน
ความลำบากอย่างที่สองเกิดขึ้นหลังจากเทน้ำออกครับ เพราะ CP นี้อยู่บนเขา อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะกลับออกมาที่จุดเติมน้ำอีกครั้ง แต่คิดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นไป ใช้น้ำที่มีอย่างประหยัด ช่วงนี้จำได้ว่ามีคนนึงวิ่งแซงไป หลังจากผ่าน CP เป็นทางลงเขา เค้า downhill เร็วมากกก ผมเลยได้โอกาสตามเค้าไปเรื่อยๆ
30 – 40K
ช่วงนี้ผมเริ่มมีอาการเหนื่อยขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ชัด พร้อมๆกับอาหารที่เตรียมมากำลังจะหมดลง (ถึงตอนนี้ผมกิน perpetuem ไปแล้ว 1 ซองครึ่ง, Gu chomp 1 ซอง และ Humble bar ที่ได้สมนาคุณมาอย่างเนียนๆจากพี่อุ้มและพี่แตง 2 ชิ้น) เหลือ perpetuem อีกครึ่งซองถ้วน กับระยะประมาณเกือบ 17K และ 1:45 Hrs ที่เหลืออยู่ (จริงๆแล้วอาจจะเหลือเฟือถ้ากะไปเรื่อยๆไม่รีบ แต่สำหรับเป้าหมาย sub 6 Hrs ที่ตั้งใจไว้มันไม่ง่ายเลย T^T)
ในช่วงนี้ผมได้คุยกับคนที่ผม downhill ตามลงมาจาก CP ที่แล้ว เค้ามาจากมาเลเซีย ลงสมัคร 100Duo และคู่ของเค้าก็ไม่มาเหมือนกัน (นี่มันบังเอิญสุดๆ) เค้าเล่าให้ฟังว่าที่นี่เป็นสนามแรกในไทย และอาจจะเป็นสนามสุดท้าย เพราะเค้ากะว่าถ้าหลังจากนี้จะวิ่งก็คงเป็น Run for fun.. not for competition (ยิ้ม)
เราเลยวิ่งไปด้วยกันอยู่พักใหญ่ๆเลย ผลัดกันแซงบ้าง ช่วยให้หายเบื่อ หายเหนื่อยลงไปได้ไม่น้อยเลย ต้องขอบคุณความบังเอิญที่ทำให้ได้เจอเพื่อนต่างวัยจากต่างแดนที่พร้อม DNF จากสนามนี้ด้วยรอยยิ้มคนนี้ด้วยครับ 😀
ช่วงนี้ผมเริ่มมีอาการเหนื่อยขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ชัด พร้อมๆกับอาหารที่เตรียมมากำลังจะหมดลง (ถึงตอนนี้ผมกิน perpetuem ไปแล้ว 1 ซองครึ่ง, Gu chomp 1 ซอง และ Humble bar ที่ได้สมนาคุณมาอย่างเนียนๆจากพี่อุ้มและพี่แตง 2 ชิ้น) เหลือ perpetuem อีกครึ่งซองถ้วน กับระยะประมาณเกือบ 17K และ 1:45 Hrs ที่เหลืออยู่ (จริงๆแล้วอาจจะเหลือเฟือถ้ากะไปเรื่อยๆไม่รีบ แต่สำหรับเป้าหมาย sub 6 Hrs ที่ตั้งใจไว้มันไม่ง่ายเลย T^T)
ในช่วงนี้ผมได้คุยกับคนที่ผม downhill ตามลงมาจาก CP ที่แล้ว เค้ามาจากมาเลเซีย ลงสมัคร 100Duo และคู่ของเค้าก็ไม่มาเหมือนกัน (นี่มันบังเอิญสุดๆ) เค้าเล่าให้ฟังว่าที่นี่เป็นสนามแรกในไทย และอาจจะเป็นสนามสุดท้าย เพราะเค้ากะว่าถ้าหลังจากนี้จะวิ่งก็คงเป็น Run for fun.. not for competition (ยิ้ม)
เราเลยวิ่งไปด้วยกันอยู่พักใหญ่ๆเลย ผลัดกันแซงบ้าง ช่วยให้หายเบื่อ หายเหนื่อยลงไปได้ไม่น้อยเลย ต้องขอบคุณความบังเอิญที่ทำให้ได้เจอเพื่อนต่างวัยจากต่างแดนที่พร้อม DNF จากสนามนี้ด้วยรอยยิ้มคนนี้ด้วยครับ 😀
40 – 50K
ช่วงนี้ผมเริ่มแยกกับเพื่อนจากมาเลเซียแล้ว ณ ตอนนี้สิ่งที่ผมเหลือคือเวลาประมาณ 1 ชม. กับระยะทางประมาณเกือบๆ 10K ส่วนอาหารที่เตรียมมาไม่เหลือแล้ว.. หมดเกลี้ยง พร้อมกับตะคริวที่เริ่มมาเยือนที่ขาซ้าย สลับกับต้นขาขวา.. (ซวยแล้วกรู ยิ่งยากขึ้นไปอีก) ยิ่งเร่ง ตะคริวยิ่งก่อตัว
ถึงตอนนี้ ผลจากการพยายามคุมความเร็วในช่วงที่ผ่านมาในภาวะที่พลังงานไม่พอ ทำให้ไปต่อด้วยความเร็วที่คาดหวังได้ยากมากขึ้น บางจังหวะแขนเริ่มชา หัวเริ่มเบลอ (อาจจะเพราะร้อนด้วย) แต่ในใจคิดอยู่อย่างเดียวคือถ้าจะเอา sub 6 ต้องไม่หยุดและตั้งสมาธิวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ผมพยายามจดจ่อกับการวางเท้าแต่ละก้าวไม่ให้ตะคริวขึ้น ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ตอนนั้นถือว่าเป็น 10K ที่เหนื่อยสุดๆ และต้องต่อสู้กับตัวเองในทุกก้าวที่วิ่งไป… (วิ่งผ่านโปรตุ้มรอถ่ายรูป แว้บนึงในใจคิดว่าอยากจะกระโดดตอนถ่ายรูป แต่คิดอีกทีอย่าดีกว่า โดดไปตอนนี้ ลงพื้นปุ๊บ ตะคริวมาแน่นอน ฮ่าๆๆ)
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมกับวิ่งผ่านนักวิ่งคนอื่นมากขึ้นๆ เป็นสัญญาณว่าเส้นชัยอยู่อีกไม่ไกล ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ได้กลับมายืนอยู่ที่เดิมหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 6 ชั่วโมง พร้อมกับกดหยุดนาฬิกา.. 5:52:38 ชม. ในที่สุดมันก็สำเร็จ 😀
ช่วงนี้ผมเริ่มแยกกับเพื่อนจากมาเลเซียแล้ว ณ ตอนนี้สิ่งที่ผมเหลือคือเวลาประมาณ 1 ชม. กับระยะทางประมาณเกือบๆ 10K ส่วนอาหารที่เตรียมมาไม่เหลือแล้ว.. หมดเกลี้ยง พร้อมกับตะคริวที่เริ่มมาเยือนที่ขาซ้าย สลับกับต้นขาขวา.. (ซวยแล้วกรู ยิ่งยากขึ้นไปอีก) ยิ่งเร่ง ตะคริวยิ่งก่อตัว
ถึงตอนนี้ ผลจากการพยายามคุมความเร็วในช่วงที่ผ่านมาในภาวะที่พลังงานไม่พอ ทำให้ไปต่อด้วยความเร็วที่คาดหวังได้ยากมากขึ้น บางจังหวะแขนเริ่มชา หัวเริ่มเบลอ (อาจจะเพราะร้อนด้วย) แต่ในใจคิดอยู่อย่างเดียวคือถ้าจะเอา sub 6 ต้องไม่หยุดและตั้งสมาธิวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ผมพยายามจดจ่อกับการวางเท้าแต่ละก้าวไม่ให้ตะคริวขึ้น ด้วยสภาพที่เป็นอยู่ตอนนั้นถือว่าเป็น 10K ที่เหนื่อยสุดๆ และต้องต่อสู้กับตัวเองในทุกก้าวที่วิ่งไป… (วิ่งผ่านโปรตุ้มรอถ่ายรูป แว้บนึงในใจคิดว่าอยากจะกระโดดตอนถ่ายรูป แต่คิดอีกทีอย่าดีกว่า โดดไปตอนนี้ ลงพื้นปุ๊บ ตะคริวมาแน่นอน ฮ่าๆๆ)
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมกับวิ่งผ่านนักวิ่งคนอื่นมากขึ้นๆ เป็นสัญญาณว่าเส้นชัยอยู่อีกไม่ไกล ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ได้กลับมายืนอยู่ที่เดิมหลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 6 ชั่วโมง พร้อมกับกดหยุดนาฬิกา.. 5:52:38 ชม. ในที่สุดมันก็สำเร็จ 😀
หลังจากเรซนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่างเลยทีเดียว
1) ต้องใส่ใจกับการเตรียมอาหารให้พลังงานมากกว่านี้ เหลือดีกว่าขาด ครั้งนี้ถือว่าโชคดี แต่ครั้งต่อไปอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้
2) การศึกษาระยะ และจุดสำคัญต่างๆของเส้นทางวิ่ง อาจจะไม่ถึงกับจำเป็น แต่ถ้ามีข้อมูลที่สำคัญเช่น จะต้องวิ่งไปไกลอีกแค่ไหน ผ่านสภาพทางยังไง ก่อนจะเจอจุดให้น้ำอีกครั้ง น่าจะดีกว่าไม่มีข้อมูลพวกนี้เลย
3) แม้ว่าหลังจากวิ่งจบแล้วจะไม่มีอาการบาดเจ็บเลย (โดยเฉพาะ ITBs, บาดเจ็บด้านข้างหัวเข่าด้านนอก ที่เรซหลังๆเจอมาทุกครั้ง) มีแค่อาการเมื่อยล้าบ้างตามปกติ แต่ส่วนที่รู้สึกปวดเมื่อยมากกว่าที่ควรจะเป็นคือแถวๆต้นคอมาถึงไหล่ ซึ่งคิดไปคิดมาแล้วน่าจะเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ได้เทรน core body เลย หลังจากนี้คงต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้
#TNF100
30 Jan 2016
1) ต้องใส่ใจกับการเตรียมอาหารให้พลังงานมากกว่านี้ เหลือดีกว่าขาด ครั้งนี้ถือว่าโชคดี แต่ครั้งต่อไปอาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งนี้
2) การศึกษาระยะ และจุดสำคัญต่างๆของเส้นทางวิ่ง อาจจะไม่ถึงกับจำเป็น แต่ถ้ามีข้อมูลที่สำคัญเช่น จะต้องวิ่งไปไกลอีกแค่ไหน ผ่านสภาพทางยังไง ก่อนจะเจอจุดให้น้ำอีกครั้ง น่าจะดีกว่าไม่มีข้อมูลพวกนี้เลย
3) แม้ว่าหลังจากวิ่งจบแล้วจะไม่มีอาการบาดเจ็บเลย (โดยเฉพาะ ITBs, บาดเจ็บด้านข้างหัวเข่าด้านนอก ที่เรซหลังๆเจอมาทุกครั้ง) มีแค่อาการเมื่อยล้าบ้างตามปกติ แต่ส่วนที่รู้สึกปวดเมื่อยมากกว่าที่ควรจะเป็นคือแถวๆต้นคอมาถึงไหล่ ซึ่งคิดไปคิดมาแล้วน่าจะเป็นเพราะที่ผ่านมาไม่ได้เทรน core body เลย หลังจากนี้คงต้องให้ความสำคัญมากกว่านี้
เรซนี้เป็นอีกครั้งที่ยืนยันได้ว่า การมีเป้าหมายในใจและจดจ่อกับมัน ให้ผลที่แตกต่างจากการทำไปเรื่อยๆแบบไร้เป้าหมายได้อย่างชัดเจน
#TNF100
30 Jan 2016
Written in this book
Running